<?php wp_title('|', true, 'right'); ?>

กระแสของ DeFi กำลังช่วยพยุงราคาของ Bitcoin ให้ไม่ร่วงลงหนัก

ติดตามสยามบล็อกเชนบนSiam Blockchain

ในช่วง 2-3 เดือนที่ผ่านมาดูเหมือนว่า bitcoin นั้นกำลังทำให้นักลงทุนและนักเก็งกำไรหลายๆคนต้องผิดหวังกันไปเนื่องจากการเคลื่อนไหวทางด้านราคาของมันที่ดูไม่ค่อยสู้ดีนัก แม้ว่ามันจะเกิดการ halving ไปแล้วก็ตาม แต่ถึงอย่างนั้น ก็ยังไม่มีใครออกมากล่าวว่าราคาในตลาด bitcoin อาจจะร่วงลงหนักหากไม่มีกระแส DeFi เข้ามาช่วยพยุงมันไว้

DeFi หรือที่ย่อมาจาก Decentralized Finanace นัดมาในหลายๆรูปแบบไม่ว่าจะเป็นการให้กู้, ตราสารฯ, การแลกเปลี่ยน และการจ่ายเงิน โดยการมาใหม่ของมันนั้นส่งผลทำให้กลุ่มชุมชนนักลงทุนคริปโตให้ความสนใจมันอย่างล้นหลามและทำให้ราคาเหรียญ Token ในตลาดดังกล่าวอยู่ในวงจรขึ้นลงอย่างหนักและรวดเร็ว

กระแสล่าสุดนั้นดูเหมือนว่าจะมาจากผลิตภัณฑ์ที่เรียกว่า liquidity mining หรือโปรแกรมสร้างแรงจูงใจที่ถูกใช้เพื่อดึงดูดผู้ใช้งานให้เข้ามาร่วมเป็น liquidity provider หรือที่เรียกว่า yield farmers โดยผู้ที่มาเข้าร่วมก็จะได้รับเหรียญ Token ตามจำนวนที่ถูกตกลงกันไว้

แม้ว่าโปรแกรมแรงจูงใจของ DeFi นั้นไม่ถือเป็นเรื่องใหม่ แต่ก็เป็นที่ปฏิเสธไม่ได้ว่ามันมีการเติบโตอย่างรวดเร็วมาก โดยมีผู้มาเข้าร่วมเครือข่ายด้วยการนำเหรียญของพวกเขามาล็อคไว้ในระบบเป็นจำนวนมาก

หนึ่งในตัวอย่างนั้นก็คือ Compound หรือระบบโปรโตคอลให้กู้ยืมแบบ decentralized พี่อนุญาตให้ผู้ใช้งานสามารถกู้และยืมสินทรัพย์ Digital จาก pool ส่วนกลางได้โดยที่ไม่จำเป็นต้องขออนุญาตใคร โดยรายงานจากบริษัท Delphi Digital เผยว่าเครือข่ายของ Compound นั้นมีผู้ใช้งานเข้ามานำสินทรัพย์ของพวกเขามาล็อคไว้เป็นจำนวนมาก และส่งผลทำให้มูลค่าตลาดของมันพุ่งขึ้นอย่างรวดเร็วเมื่อระบบมีการแจกจ่ายเหรียญ COMP โดยขณะนี้ตลาดมีมูลค่าอยู่ที่ 668 ล้านดอลลาร์ และ 497 ล้านดอลลาร์ตามลำดับ

อย่างไรก็ตาม liquidity mining นั้นดูเหมือนว่าจะไม่มีความเกี่ยวข้องกันกับการเคลื่อนไหวของราคา Bitcoin เลยแม้แต่น้อย แต่หากลองมองดูเข้าไปอย่างลึกแล้วก็จะเห็นความเกี่ยวข้องกันอยู่พอสมควร โดยหลักๆก็คือถ้าหาก yield farmer ต้องการที่จะได้รับเหรียญ token เป็นส่วนแบ่ง พวกเขาจำเป็นที่จะต้องเข้าร่วมเครือข่ายไม่ว่าจะเป็นผู้ให้กู้ยืมหรือเป็นผู้ยืม โดยพวกเขาจำเป็นที่จะต้องฝากเหรียญของพวกเขาไว้ใน pool ที่ผู้ยืมจำเป็นที่จะต้องมีตัวค้ำประกันพี่พอดีถึงจะสามารถกู้ยืมได้ และพวกเขาก็จะได้รับดอกเบี้ยจากจำนวนเหรียญที่ถืออยู่ และรวมถึงกำไรเมื่อราคาเหรียญ COMP เพิ่มขึ้น 

มูลค่าของเหรียญคริปโตที่ถูกล็อคไว้บน DeFi อันดับ 1 คือ Ethereum โดยมีมูลค่าอยู่ที่ 715 ล้านดอลลาร์ รองลงมาก็คือ Bitcoin อยู่ที่ประมาณ 141 ล้านดอลลาร์

นอกจากนี้นาย Saniya Moore ยังได้กล่าวว่าหนึ่งในเหรียญ Token ที่กำลังเป็นที่นิยมบนเครือข่าย Ethereum ที่มากที่สุดในขณะนี้ก็คือ WBTC หรือ wrapped BTC หรือเหรียญ Token  แบบ ERC-20 ที่ถูกค้ำไว้โดย bitcoin ในอัตราส่วน 1:1 โดยก่อนหน้านี้กลุ่ม yield farmer ได้แห่กันเข้ามาซื้อเหรียญ WBTC เป็นจำนวนมากเพื่อที่จะเข้ามาร่วมในเครือข่าย Compound และพวกเขาก็จะได้เหรียญ COMP ตอบแทนกลับไป

หากรวมมูลค่าของเหรียญ BTC และ WBTC ที่ถูกล็อกไว้บน DeFi ก็จะมีมูลค่ารวมประมาณ 241 ล้านดอลลาร์ 

อีกจุดหนึ่งที่น่าสนใจก็คือการเติบโตของ DeFi ในช่วง 3 เดือนที่ผ่านมานั้นดูเหมือนว่าจะเกิดขึ้นพร้อมๆกับช่วงฤดู Altcoin ซึ่งเหรียญส่วนใหญ่ บนเว็บเทรดนั้นมักจะถูกเทรดคู่กับ bitcoin นั่นหมายความว่านักเก็งกำไรที่จะเข้ามาในตลาดคริปโตจำเป็นที่จะต้องซื้อ bitcoin ก่อนทำการเทรด นั่นจึงถือเป็นสิ่งที่ทำให้ราคาของ bitcoin สามารถพยุงตัวไว้อยู่ได้

แม้ว่าตลาด DeFi จะนำพาผลพลอยได้มาสู่ตลาด bitcoin ในช่วง 90 วันที่ผ่านมา แต่มันก็ยังคงมีความเสี่ยงอยู่บางข้อ ยกตัวอย่างเช่นตลาดคริปโตนั้นมีความผันผวนสูงมาก เมื่อไหร่ก็ตามที่จำนวนเหรียญที่ถูกล็อคบน DeFi เริ่มถึงจุดอิ่มตัวโดยแตะจุดสูงสุดแล้ว มันก็มีโอกาสที่จะร่วงลงมาอย่างแรงได้เช่นกัน และนั่นอาจส่งผลกระทบต่อ bitcoin 

อย่างไรก็ตามมันก็ยังถือว่าเร็วเกินไปที่จะโดนสรุปดังนั้นเราจึงต้องรอดูกันต่อไปว่าตลาดที่เกิดใหม่นี้จะเป็นอย่างไร