หลังจากที่ทางสยามบล็อกเชนได้รายงานข่าวเกี่ยวกับจำนวนกระเป๋าเงินเก็บ Bitcoin ที่พุ่งสูงขึ้นแตะ 1,000,000 Address ทำสถิติสูงสุดใหม่ไปนั้น ดูเหมือนว่าฝั่งทางด้านของเหรียญ Bitcoin SV ก็มีการเติบโตเพิ่มขึ้นที่น่าประทับใจไม่แพ้กัน
จำนวนที่อยู่ BSV Address ได้เพิ่มขึ้นจาก 110,000 Address ในวันที่ 28 กันยายนไปเป็น 947,400 Address ในปัจจุบัน ซึ่งถือเป็นการเติบโตเพิ่มขึ้นอย่างน่าประทับใจในช่วงเวลาเพียงแค่สองวัน ก่อนที่จะมีงานประชุม CoinGeek Live ในวันที่ 30 กันยายนเวลา 9.00 น. ตามเวลานิวยอร์กและจะดำเนินต่อไปจนถึงวันที่ 2 ตุลาคม
จำนวนที่อยู่ BSV Address ที่เพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็วทำให้แฟนตัวยงของ Bitcoin SV อย่าง ‘SirToshi’ ออกมาโพสต์ทวีตเพื่อเรียกร้องความสนใจว่า BSV สามารถเอาชนะเครือข่าย Ethereum ได้อย่างขาดลอย ในช่วงที่กระแส DeFi กำลังบูม ๆ :
“จำนวนที่อยู่ Bitcoin SV มีการใช้งานอยู่ที่ 802,297 Address ในขณะที่ Etherium มีการใช้งานอยู่ที่เพียงแค่ 599,392 เท่านั้น”
ในขณะเดียวกันการทำธุรกรรมบนเครือข่าย Bitcoin SV ก็เพิ่มขึ้นกว่าเท่าตัวจาก 715,600 ไปเป็น 1,751,000 รายการในวันนี้ หรือคิดเป็นการเติบโตเพิ่มขึ้นกว่า 145% ในช่วง 48 ชั่วโมงก่อนการประชุม
อย่างไรก็ตามเป็นไปได้ว่า การเพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็วนี้อาจเป็นเรื่องบังเอิญ เนื่องจากเครือข่ายได้สังเกตเห็นกิจกรรมที่ผิดปกติบางอย่าง ซึ่งจำนวนที่อยู่ BSV Address ได้เพิ่มขึ้นกว่า 1 ล้าน Address ในช่วงเวลาสั้น ๆ เมื่อวันที่ 24 มิถุนายนและธุรกรรมได้เพิ่มขึ้นไปเป็น 5.5 ล้านรายการในวันที่ 10 กรกฎาคม
ภายในงานประชุม CoinGeek Live ส่วนใหญ่ผู้คนมักพูดกันถึงเรื่องเครือข่ายและมีผู้บรรยายมากมาย อาทิเช่นนาย Craig wright ผู้สร้าง Bitcoin SV , นาย Jimmy Nguyen ประธานสมาคม Bitcoin และ Thomas Lee ผู้ก่อตั้งบริษัท Fundstrat Global
รายงานของ CoinGeek เปิดเผยว่า ปัจจุบันเครือข่ายหลักของ Bitcoin SV ประมวลผลธุรกรรมได้มากกว่า 2,800 รายการต่อวินาทีและตั้งเป้าไว้ที่ 50,000 รายการในอนาคตอันใกล้นี้ นอกจากนี้โปรโตคอลระดับองค์กรของ Teranode ที่กำลังจะมีขึ้นยังตั้งเป้าที่จะทำให้บล็อกธุรกรรมมีขนาดความจุอยู่ที่ 1TB อีกด้วย
Nguyen กล่าวว่า Bitcoin SV นั้นเป็น “กฎพื้นฐานที่กำหนดไว้สำหรับเครือข่ายอื่น ๆ ทั้งหมด” และเป็น “การสร้างระบบอินเทอร์เน็ตขึ้นใหม่”
อย่างไรก็ตามกิจกรรมบนเครือข่าย Bitcoin SV ที่เพิ่มสูงขึ้นในครั้งนี้ ไม่ได้หมายความว่ามันจะส่งผลดีราคาเสมอไป เนื่องจากบางสำคัญข้อมูลเหล่านี้ก็มาจากความปกติบางอย่างของเครือข่าย หรือมีคนที่อยู่เบื้องหลังจัดทำข้อมูลเหล่านี้ขึ้นมา
ที่มา : cointelegraph