<?php wp_title('|', true, 'right'); ?>

ค่าธรรมเนียมทำธุรกรรม Ethereum เริ่มลดลงแล้ว หลังกระแส DeFi เริ่มซา

ติดตามสยามบล็อกเชนบนSiam Blockchain

ค่าธรรมเนียมในการทำธุรกรรมบนเครือข่าย Blockchain ของ Ethereum เริ่มที่จะลดลงเรื่อย ๆ แล้ว หลังจากที่กระแส decentralized finance หรือ DeFi เริ่มที่จะซาลง โดยเมื่อเดือนกันยายนที่ผ่านมาอัตราค่าธรรมเนียมบนเครือข่าย ETH นั้นได้พุ่งสูงที่สุดเป็นประวัติการณ์ จนกระทั่งเดือนตุลาคมนี้ มันเริ่มที่จะกลับมาปกติอีกครั้ง

ในตอนนี้ค่าธรรมเนียมโดยเฉลี่ยในการทำธุรกรรมของ Ethereum นั้นอยู่ที่ประมาณ 2 ดอลลาร์นิด ๆ อ้างอิงจาก Bitinfocharts โดยร่วงลงมาจากจุดสูงสุดเมื่อวันที่ 2 กันยายนที่ผ่านมาถึง 80% ตามกราฟด้านล่างนี้

หากลองดูกราฟด้านบนนั้นเราจะสามารถสังเกตเห็นได้อย่างชัดเจนว่าอัตราค่าธรรมเนียมนั้นพุ่งสูงขึ้นอีกครั้งหนึ่งตอนประมาณช่วงก่อนวันที่ 20 กันยายนเป็นครั้งที่สองในรอบเดือน แต่ก็ไม่ได้เยอะเท่ากับของตอนช่วงต้นเดือนแต่อย่างใด

ตั้งแต่ช่วงนั้นเป็นต้นมา ค่าธรรมเนียมในเครือข่ายนั้นเริ่มที่จะกลับมาเป็นปกติแล้ว และกระแส DeFi ก็เริ่มที่จะซาลงไปทุกขณะ แต่อย่างไรก็ตามแม้ว่ามันจะร่วงลงมาเยอะ แต่หลายคนก็ยังมองว่าค่าธรรมเนียมของมันนั้นยังคงสูงเกินไปอยู่ดี โดยหากลองมองย้อนกลับไปเมื่อเดือนมกราคมที่ผ่านมานั้นจะเห็นว่าค่าธรรมเนียมในการทำธุรกรรมพื้นฐานจะอยู่ที่ 0.07 ดอลลาร์ และมันไม่เคยก้าวข้ามผ่านระดับ 1 ดอลลาร์เลยในปี 2019 ที่ผ่านมา (ยกเว้นตอนช่วงต้นปี) ตามกราฟด้านล่าง

สรุปแล้วดี หรือไม่ดี?

ปัจจุบัน Ethereum นั้นถือเป็นแพลทฟอร์มที่ถูกพิสูจน์แล้วว่ามีกรณีการใช้งานจริงที่ยั่งยืน หลัก ๆ เป็นเพราะระบบ smart contract, การให้ทุกคนสามารถสร้างเหรียญโทเคนได้, และระบบ dApps ที่ถูกรันอยู่บน Blockchain

นอกเหนือจากฟีเจอร์เปลี่ยนโลกเหล่านี้แล้ว ยังมีเหรียญ stablecoin และโปรเจค DeFi ที่ช่วยยกระดับกรณีการใช้งานจริงของ Ethereum ให้สูงขึ้นในแบบที่ไม่เคยเห็นมาก่อนเลยในอดีต นอกจากนี้ Ethereum นั้นยังสามารถวิ่งแซง Bitcoin ได้ในแง่ของจำนวนการทำธุรกรรมบนเครือข่ายอีกด้วย เนื่องจาก DeFi และ stablecoin

อย่างไรก็ตาม ไม่ได้มีทุกอย่างบนโลกนี้ที่สมบูรณ์แบบเสมอไป เมื่อมันได้รับความนิยมสูงและมีผู้ใช้งานเยอะ ก็ส่งผลทำให้เครือข่ายต้องเกิดการแออัดเป็นธรรมดา และนั่นส่งผลทำให้ผู้คนแย่งกันจ่ายค่าธรรมเนียมที่สูงขึ้นเพื่อให้ธุรกรรมของพวกเขาไปถึงที่หมายให้เร็วกว่าคนอื่น ๆ จนเป็นการผลักดันค่าธรรมเนียมโดยเฉลี่ยบนเครือข่ายให้สูงขึ้นตาม

แม้แต่ผู้สร้างเหรียญอย่างนาย Vitalik Buterin ยังได้ออกมาบ่นเกี่ยวกับค่าธรรมเนียมในการทำธุรกรรมของ ETH ที่กำลังเป็นกำแพงขัดขวางการปรับตัวใช้เหรียญดังกล่าวทั่วโลกในขณะนี้

“ค่าธรรมเนียมที่ 17.76 ดอลลาร์คือจำนวนที่ผมใช้เพื่อพนันบน Augur เมื่อสัปดาห์ที่ผ่านมา ส่งผลทำให้ในวันนี้ Augur เหมือนกับเป็น ‘แพลทฟอร์มสำหรับคนบางกลุ่มมากกว่าที่จะเป็นสำหรับคนทั่วโลก’”

การมาของ Ethereum 2.0 จะแก้ปัญหาเรื่องค่าธรรมเนียมได้หรือไม่

อย่างไรก็ตาม ทุกสิ่งทุกอย่างอาจจะเปลี่ยนไปโดยสิ้นเชิงหาก Ethereum 2.0 นั้นถูกพัฒนาจนเสร็จและติดตั้งเพื่อใช้งานจริง แม้ว่ามันจะใช้เวลาในการพัฒนาที่นานมาก และต้องประสบโรคเลื่อนในการเปิดตัวมาแล้วหลายต่อหลายครั้ง แต่แนวคิดในการเปลี่ยนอัลกอริทึ่มจาก proof-of-work มาเป็น proof-of-stake ในการตัดนักขุดออกจากระบบไปเชื่อว่าจะทำให้ปัญหาความแออัดในเครือข่ายลดลงได้อย่างมหาศาล

หลัก ๆ มันถูกออกแบบมาเพื่อให้รองรับการทำธุรกรรมพร้อมกันได้หลายพันธุรกรรมต่อวินาที ดังนั้นปัญหาเรื่องการแย่งกันจ่ายค่าธรรมเนียมเพื่อให้ธุรกรรมไปถึงก่อนชาวบ้านนั้นน่าจะหมดลงไป สำหรับนาย Vitalik แล้วเขามองว่าการใช้เทคโนโลยี 2nd layer (การทำธุรกรรมนอก blockchain) ถือเป็นส่วนสำคัญพอ ๆ กับตัวอัพเกรด blockchain อื่น ๆ เลยก็ว่าได้

แต่แม้ว่าตัวอัพเกรดดังกล่าวจะฟังดูดีขนาดไหน แต่มันก็ยังต้องใช้เวลาอีกนานเพื่อพิสูจน์ตัวเองว่าจะเป็นไปตามที่พูดคุยไว้ได้หรือไม่ โดยนาย Vitalik กล่าวว่า

“ผมคิดว่ามันเป็นเรื่องสำคัญที่ต้องเน้นย้ำ อย่างน้อยก็ในระยะสั้นว่าตอนนี้ผมยังไม่มีตัวเลือกอื่นเลย 1st layer นั้นดูเหมือนว่าจะใช้แทบไม่ได้แล้วสำหรับ application หลาย ๆ ประเภท และมันก็ไม่มีวิธีแก้ปัญหาอื่น ๆ เลยที่ไม่มี 2nd layer ที่จะทำให้เราสามารถแก้ไขปัญหาการขยายเครือข่ายจากระยะสั้นไประยะยาวได้”