<?php wp_title('|', true, 'right'); ?>

ถึงเวลาที่ควรซื้อ Bitcoin , Ethereum, Litecoin, XRP, Chainlink และ Cryptocurrency ตัวอื่น ๆ แล้วหรือยัง ?

ติดตามสยามบล็อกเชนบนSiam Blockchain

ราคา Bitcoin นั้นปรับตัวเพิ่มขึ้นอย่างมากในสัปดาห์นี้โดยได้รับแรงหนุนจากคำพูดของประธาน Fed เจอโรมพาวเวลเกี่ยวกับสกุลเงินดิจิทัล รวมถึงความคาดหวังว่าจะได้รับข้อตกลงกระตุ้นเศรษฐกิจครั้งใหม่

ราคา bitcoin ได้พุ่งขึ้นทะลุ 12,000 ดอลลาร์ เป็นครั้งแรกนับตั้งแต่ช่วงกลางเดือนสิงหาคมและกำลังเตรียมกลับขึ้นไปทดสอบจุดสูงสุดเดิมของปีนี้ที่ระดับ 12,400 ดอลลาร์อีกครั้ง อย่างไรก็ตามการเพิ่มขึ้นของราคา bitcoin เมื่อเร็ว ๆ นี้ กลับส่งผลให้ราคาเหรียญ Altcoin ส่วนใหญ่ร่วงลงทันที รวมถึง Ethereum , Ripple, litecoin, chainlink

โดยล่าสุดนั้น นักวิจัยได้ค้นพบแล้วว่าอะไรที่เป็นตัวกำหนดราคาที่แท้จริงให้กับ bitcoin และ cryptocurrency ตัวอื่น ๆ

นักวิเคราะห์ตลาดคริปโตจาก The Tie เขียนในรายงานว่า “ไม่ว่าโดนัลด์ทรัมป์จะมีความคิดเห็นอย่างไร แต่ราคาของสกุลเงินดิจิทัลก็ไม่ได้ถูกสร้างขึ้นมาจาก ‘กลีบเมฆ’ อย่างแน่นอน” เขากล่าวต่อว่า “ราคาของมันนั้นเป็นมูลค่าที่เกิดขึ้นจริง มันมีแรงผลักดันที่จับต้องได้ ซึ่งเป็นตัวกำหนดราคาให้กับสกุลเงินดิจิทัล”

“สิ่งที่เราพยายามแสดงให้เห็นก็คือรูปแบบการเคลื่อนไหวราคาของ Cryptpcurrency นั้นไม่ได้แตกต่างไปจากตลาดหุ้นเลยแม้แต่น้อย แม้ว่าตลาดเหล่านั้นจะมีขนาดที่ใหญ่กว่ามากก็ตาม”นาย Josh Frank ผู้ก่อตั้งและผู้บริหารระดับสูงของ The Tie กล่าว

ในช่วงไม่กี่เดือนที่ผ่านมาราคา bitcoin นั้นมีการเคลื่อนไหวที่ดูคล้ายกับตลาดหุ้นสหรัฐ เนื่องจากมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจครั้งใหญ่ของรัฐบาลที่ช่วยผลักดันให้มูลค่าสินทรัพย์เพิ่มสูงขึ้นทั่วทั้งกระดาน

“ปฏิกิริยาของ Bitcoin และ ethereum ที่มีต่อข่าวในเชิงลบนั้นไม่ได้ส่งผลกระทบที่ชัดเจนเหมือนกับอดีตที่ผ่าน ๆ มา” นาย Frank กล่าวพร้อมชี้ให้เห็นถึงการมีส่วนร่วมที่เพิ่มขึ้นของตลาด Wall Street ในตลาด bitcoin ขณะที่นาย Jamie Dimon ประธานเจ้าหน้าที่ฝ่ายบริหารของ J.P. Morgan กล่าวว่า “ราคา bitcoin ไม่สามารถขยับขึ้นลงเองได้เหมือนกับเมื่อก่อนอีกแล้ว”

อย่างไรก็ตามราคาของสกุลเงินดิจิทัลที่มีมูลค่าตลาดขนาดเล็กยังสามารถเคลื่อนไหวได้อย่างมีนัยสำคัญ เนื่องจากพวกมันยังคงอยู่ในช่วงระหว่าง “การพัฒนา”

“Wallstreet ไม่ได้มีการซื้อขาย EOS และ Tron ​​เยอะมากนักและทุกคนในชุมชนสามารถใช้ประโยชน์จากข้อมูลที่เราสามารถรวบรวมได้” นาย Frank กล่าวเสริม

แต่อย่างไรก็ตามนักลงทุนบางรายยังคงเชื่อมั่นว่า cryptocurrencies ที่มีมูลค่าตลาดขนาดเล็กจะมีการเคลื่อนที่ไปในทิศทางเดียวกันกับ bitcoin และ ethereum ในอนาคตข้างหน้า

“Bitcoin และ ethereum จะเป็นประตูที่เปิดไปสู่การยอมรับของเหรียญคริปโตตัวอื่น ๆ ” นาย Guy Hirsch กรรมการผู้จัดการ eToro ของสหรัฐฯ กล่าว

“ความสนใจในตลาดคริปโตของ Wallstreet นั้นกำลังเติบโตเพิ่มสูงขึ้น โดยได้รับแรงหนุนจากการจัดสรรเงินทุนไปที่ bitcoin และ ethereum อีกทั้งยังมีเม็ดเงินหลายพันล้านดอลลาร์ที่ถูกเทลงไปในภาค DeFi ซึ่งสิ่งนี้จะช่วยสร้างตลาดขึ้นมาใหม่ทั้งหมด”

นักวิจัยพบว่า การประกาศระดมทุนสำหรับโปรเจคตัวใหม่ ตลอดจนการควบรวมและเข้าซื้อกิจการนั้นมีแนวโน้มที่จะส่งผลในเชิงบวกต่อราคาของโปรเจค ซึ่งปกติแล้วมักจะใช้เวลาดำเนินการประมาณหนึ่งสัปดาห์ และนั่นแสดงให้เห็นถึงโอกาส 90% ที่โปรเจคเหล่านั้นจะได้รับผลตอบแทนที่เป็นบวก หลังจากผ่านไปแล้วหนึ่งสัปดาห์ โดยมีผลตอบแทนเฉลี่ยอยู่ที่ 8.23%

ในขณะที่การลิสต์เหรียญใหม่บนเว็ปเทรดนั้นทำให้ความต้องการเหรียญคริปโตเพิ่มสูงขึ้นอย่างมีนัยสำคัญ แต่ทว่าเหตุการณ์ดังกล่าวนั้นไม่ได้ส่งผลให้ราคาเพิ่มขึ้นแบบยั่งยืนในระยะยาว ในทำนองเดียวกันการเบิรน์เหรียญหรือการเผาโทเค็นก็มีแนวโน้มที่จะทำให้ราคาของเหรียญเพิ่มขึ้นภายในช่วง 24 ชั่วโมง โดยมีความเป็นไปได้ 100% ที่ราคาจะเพิ่มขึ้นโดยเฉลี่ย 2.13% ภายในวันนั้น แต่ผลกำไรที่เกิดขึ้นเป็นเพียงแค่เรื่องชั่วคราวเท่านั้น

ข้อสรุป

สำหรับคำถามที่ว่าตอนนี้ถึงเวลาที่ควรซื้อ Bitcoin และเหรียญคริปโตตัวอื่น ๆ แล้วหรือไม่นั้น นักวิจัยเชื่อว่าแรงหนุนจากคำพูดของประธาน Fed เจอโรมพาวเวลเกี่ยวกับสกุลเงินดิจิทัล รวมถึงความคาดหวังว่าจะได้รับข้อตกลงกระตุ้นเศรษฐกิจครั้งใหม่นั้นจะผลให้ราคา Bitcoin และเหรียญคริปโตเติบโตเพิ่มขึ้นได้อีกมาก นอกจากนี้ยังมีความสนใจในตลาดของตลาดหุ้น Wallsreet รวมถึงเม็ดเงินมูลค่าหลายพันล้านดอลลาร์ที่เพิ่งถูกเทลงไปในภาค DeFi ซึ่งสิ่งนี้ล้วนแต่จะส่งผลดีต่อราคาคริปโตทั้งสิ้น ดังนั้นการเข้าซื้อ Bitcoin ในช่วงเวลานี้ถือว่าเป็นเรื่องที่ยังไม่สายจนเกินไป และเป็นว่าได้ราคาของพวกมันกำลังจะพุ่งสูงขึ้นอีกครั้งในเร็ว ๆ นี้

ที่มา : forbes