รายงานใหม่เกี่ยวกับผลตอบแทนของเหรียญคริปโตที่จัดทำขึ้นโดย CoinGecko ได้ยืนยันแล้วว่าเหรียญคริปโตที่มีมูลค่าตลาดมากที่สุด 30 อันดับแรกนั้นมีผลกำไรที่ 300% โดยเฉลี่ยในปีที่ผ่านมา
นอกจากนี้รายงานยังระบุอีกด้วยว่าเหรียญ Stablecoins ที่นิยมใช้กันมากที่สุดมีมูลค่าการหมุนเวียนเพิ่มขึ้นแตะระดับ 30,000 ล้านดอลลาร์ ซึ่งถือว่าเป็นระดับที่สูงที่สุดเท่าที่เคยมีมาเลยก็ว่าได้
เหรียญคริปโตที่ให้ผลตอบแทนดีที่สุดในปี 2020
รายงานของ CoinGecko ระบุว่า มูลค่าตลาดของเหรียญคริปโต 30 อันดับแรกนั้นได้ปรับตัวเพิ่มแตะ 552,000 ล้านดอลลาร์ หรือคิดเป็นการเพิ่มขึ้นประมาณ 308% จากปี 2020 ดังนั้นผลประกอบการของปีที่แล้วจึงดีกว่าตัวเลขของปี 2019 อย่างมาก ซึ่งเพิ่มขึ้นกว่า 68,000 ล้านดอลลาร์ หรือประมาณ 62%
อย่างไรก็ตามเปอร์เซ็นต์เหล่านี้มีการปรับตัวลงเล็กน้อย เนื่องจาก XRP ซึ่งเป็นเหรียญคริปโตใน 5 อันดับแรกนั้นมีมูลค่าลดลงในช่วงท้ายปี 2020 อันเป็นผลมาจากการฟ้องคดีของ SEC
นอกจากนี้ยังเป็นที่น่าสังเกตว่า Ethereum กลายเป็นเหรียญคริปโตที่ให้ผลตอบแทนมากที่สุด โดยได้รับผลตอบแทนเพิ่มขึ้นกว่า 472% เมื่อเทียบกับ BTC ที่ได้รับผลตอบแทนเพิ่มขึ้นเพียงแค่ 303% เท่านั้นในปี 2020
โดยปกติแล้วสิ่งนี้หมายความว่า Ethereum มีประสิทธิภาพที่สูงกว่า Bitcoin ในแง่ของส่วนแบ่งตลาด เนื่องจากผลตอบแทนของ BTC นั้นเพิ่มขึ้นเพียง 0.9% เป็น 73.7% ในขณะที่ ETH เพิ่มขึ้น 3.6% ไปเป็น 11.5%
เช่นเดียวกับมูลค่าการหมุนเวียนของเหรียญ Stablecoin ที่เพิ่มสูงขึ้นอย่างมากในปี 2020 โดยเหรียญ Stablecoin ที่นิยมใช้กันมากที่สุด 5 อันดับแรกได้แก่ USDT, USDC, DAI, BUSD และ PAX มีมูลค่าตลาดเพิ่มขึ้นมาอยู่ที่ 22,000 ล้านดอลลาร์หรือคิดเป็นการเพิ่มขึ้นประมาณ 439% เลยทีเดียว
รายงานดังกล่าวเป็นที่ถกเถียงกันอยู่ว่าการเพิ่มขึ้นมานี้อาจเกิดขึ้น “จากความต้องการในหมู่นักเทรดที่ต้องการนำเหรียญ Stablecoin มาใช้เพื่อการซื้อขายและการโอนเงินข้ามพรมแดน”
Tether (USDT) ยังคงเป็นเหรียญ Stablecoin ที่โดดเด่นที่สุด โดยมีส่วนแบ่งตลาดทั้งหมดอยู่ที่ 76% ส่วนทางด้านเหรียญ DAI นั้นมีการเติบโตมากที่สุดหรือคิดเป็นการเติบโตเพิ่มขึ้นกว่า 2,700%
ผลตอบแทนที่เพิ่มขึ้นในช่วงระหว่างปี 2020-2021 นั้นมีความยั่งยืนมากขึ้นหรือไม่ ?
CoinGecko ได้ตั้งข้อสังเกตว่าผลตอบแทนที่เพิ่มสูงขึ้นในปัจจุบันดูเหมือนจะเป็นการเติบโตที่ยั่งยืนมากขึ้น เนื่องจากปัจจัยเชิงบวกดังต่อไปนี้
- ความสามารถในการเข้าถึง – ปัจจุบันการซื้อและขายสินทรัพย์ดิจิทัลสามารถทำได้ง่ายขึ้นด้วยเว็บเทรดคริปโตใหม่มากมาย อีกทั้งยังมีบริษัทยักษ์ใหญ่อย่างเช่น Revolut และ PayPal ที่เพิ่งเปิดให้บริการซื้อขายสกุลเงินดิจิทัลบนแพลตฟอร์มของพวกเขา
- มาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจและอัตราเงินเฟ้อ – หลังจากเกิดการแพร่ระบาดของเชื้อไวรัส COVID-19 ธนาคารกลางส่วนใหญ่ก็เริ่มหันมาใช้นโยบายการเงินกระตุ้นเศรษฐกิจแบบ “หลวม ๆ” ด้วยเงินมูลค่าหลายล้านล้านดอลลาร์ที่พิมพ์ออกมาในช่วงเวลาอันสั้นทำให้หลายคนเกิดความกังวลเกี่ยวกับอัตราเงินเฟ้อในอนาคต ซึ่งสิ่งนี้ได้ส่งผลกระทบต่อราคา Bitcoin ในเชิงบวก
- การยอมรับจากสถาบัน – บริษัทการลงทุนและสถาบันขนาดใหญ่ได้ประกาศจัดสรรเงินเป็น Bitcoin ในช่วงหลายเดือนที่ผ่านมา บางส่วนของสถาบันเหล่านี้ ได้แก่ MicroStrategy, Square และ Ruffer รวมถึงนักลงทุนมหาเศรษฐีอย่างเช่นนาย Paul Tudor Jones และ นาย Stan Druckenmiller