<?php wp_title('|', true, 'right'); ?>

Wells Fargo เตรียมเปิดตัวผลิตภันฑ์ด้านคริปโตให้ลูกค้าของพวกเขา

ติดตามสยามบล็อกเชนบนSiam Blockchain

บริษัทลูกด้านการลงทุนของ Wells Fargo นั้นเตรียมเปิดตัวผลิตภัณฑ์ด้านการลงทุนให้กับลูกค้าที่มีรายได้สูง

Crypto ดึงดูดธนาคารรายใหญ่

โดยทางบริษัท Wells Fargo ได้ออกมาประกาศเมื่อวานนี้ว่าพวกเขานั้นจะเริ่มออกผลิตภัณฑ์ด้านคริปโตให้กับลูกค้าของพวกเขา

นาย Darrell Cronk ประธานของ Well Fargo Investment Institute กล่าวกับ Business Insider ว่า บริษัท กำลังเตรียมที่จะเปิดตัวผลิตภัณฑ์ที่เกี่ยวข้องกับ crypto เนื่องจากปัจจุบันได้รับการยอมรับว่า crypto เป็น “สินทรัพย์ที่สามารถลงทุนได้” จากข้อมูลของ Cronk เขาเผยว่ามูลค่าที่เพิ่มขึ้นของมัน และจำนวนเหรียญที่เพิ่มขึ้นในตลาดนั้นบ่งบอกว่าตลาดเติบโตเต็มที่แล้ว

เขาเสริมว่า บริษัท ได้ค้นคว้าแนวทางที่ดีที่สุดเพื่อนำเสนอผลิตภัณฑ์การลงทุนที่เชื่อถือได้และปลอดภัยให้กับลูกค้าที่สนใจเป็นเวลาหลายเดือน อย่างไรก็ตามผลิตภัณฑ์เหล่านี้จะนำเสนอให้กับลูกค้าที่ร่ำรวยเท่านั้น Cronk ยังกล่าวอีกว่ามี “ความสนใจอยู่ไม่น้อย” ในผลิตภัณฑ์นี้อยู่แล้ว ยังไม่มีความชัดเจนว่าจะนำเสนอผลิตภัณฑ์ใดบ้าง

Wells Fargo เป็นหนึ่งในธนาคารล่าสุดที่กำลังกระโดดเข้ามาในวงการ crypto โดยในช่วงไม่กี่เดือนที่ผ่านมาก่อนหน้านี้เราได้เห็นธนาคารอื่น ๆ อย่าง Goldman Sachs, JP Morgan, Morgan Stanley และ BNY Mellon ที่เริ่มหันหน้าเข้าหาสินทรัพย์คริปโตอีกด้วยเช่นกัน

Wells Fargo Investment Institute ยังได้เผยแพร่งานวิจัยเกี่ยวกับความสัมพันธ์ของสกุลเงินดิจิทัลกับหุ้นและสินค้าโภคภัณฑ์ พวกเขาพบว่าในขณะที่สกุลเงินดิจิทัลดูเหมือนจะเชื่อมโยงกับหุ้นและสินค้าโภคภัณฑ์ในระยะสั้น แต่การเชื่อมโยงนั้นมีความสำคัญในกรอบเวลาที่ยาวนานขึ้น ปัจจัยกำหนดระยะยาวสำหรับราคา crypto นั้นแตกต่างจากตลาดแบบดั้งเดิมมากพอ จน cryptocurrencies สามารถเป็นตัวเลือกป้องกันความเสี่ยงที่น่าสนใจอีกตัวหนึ่ง

รายงานยังชี้ให้เห็นว่าอุปทานคงที่ของ Bitcoin เป็นปัจจัยสำคัญต่อมูลค่าในระยะยาว การเปลี่ยนแปลงของอุปสงค์และอุปทานก็จะทำให้ราคาเพิ่มขึ้นในระยะยาว เมื่อพูดถึงราคาของสกุลเงินดิจิทัลในอนาคตนาย Cronk กล่าวว่า:

“ เมื่อใดก็ตามที่คุณลดอุปทานของสิ่งใดก็ตามแม้ว่าอุปสงค์จะคงที่ ราคานั้นก็จะเพิ่มขึ้น เมื่อเวลาผ่านไปเมื่อผู้คนคุ้นเคยกับ [cryptocurrencies] เหล่านี้มากขึ้นและเมื่อมันกลายเป็นกระแสหลักมากขึ้นผมคิดว่ามันจะเพิ่มขึ้นตามธรรมชาติ”