เป็นครั้งแรกนับตั้งแต่วันที่ 12 พฤษภาคม ที่ดัชนีความกลัวและความโลภของตลาดคริปโตได้เปลี่ยนสถานะเป็น “กลาง” เนื่องจากก่อนหน้านี้มันได้อยู่ในโซน “ความกลัว” หรือ “ความกลัวอย่างสุดขั้ว” กินระยะยาวนานเกือบ 2 เดือน
ดัชนีความกลัวและความโลภเปลี่ยนสถานะ “เป็นกลาง”
นักเทรดที่อยู่ในตลาดคริปโตมานานจะรู้ดีว่าดัชนีความกลัวและความโลภเป็นปัจจัยหลักที่คอยขับเคลื่อนตลาดคริปโตโดยรวมทั้งหมด ไม่เว้นแม้แต่ Bitcoin
และความเชื่อมั่นของตลาดนั้นก็เป็นสิ่งที่สำคัญอย่างยิ่งในการจับตาดูและเฝ้าระวัง เมื่อนักเทรดได้ตัดสินใจลงทุนหรือทำการซื้อขาย
หนึ่งในเครื่องมือยอดนิยมที่นักเทรดมักใช้ในการประเมินหาความกลัวและความโลภของตลาดนั้นก็คือ ดัชนีความกลัวและความโลภ (Fear and Greed Index) โดยเครื่องมือดังกล่าวจะรวบรวมข้อมูลจากแหล่งต่าง ๆ รวมถึงความผันผวน โมเมนตัมของตลาด และวอลุ่มการพูดคุยบนสื่อโซเชียลมีเดีย
ในขณะที่เขียนบทความอยู่นี้ ดัชนีดังกล่าวอยู่ในสถานะที่เป็นกลาง และไม่เคยเกิดขึ้นมาก่อนนับตั้งแต่วันที่ 12 พฤษภาคม โดยในช่วงระหว่างนั้นอารมณ์ของตลาดได้เปลี่ยนจากสถานะที่ “เป็นกลาง” ไปสู่ “ความกลัว” หรือ “ความกลัวสุดขั้ว” ซึ่งสามารถเห็นได้จากราคาที่ร่วงลดลงอย่างรุนแรง
สิ่งนี้หมายความว่าอย่างไร ?
สิ่งสำคัญที่เราต้องรู้ก็คือ ดัชนี Crypto Fear and Greed นั้นจะทำการประเมินความเชื่อมั่นของตลาดคริปโตในภาพรวมทั้งหมด ไม่ใช่เพียงแค่ Bitcoin เท่านั้น อย่างไรก็ตามหากอ้างอิงตามส่วนแบ่งตลาดของ BTC แน่นอนว่าภาพรวมของอุตสาหกรรมส่วนใหญ่ถูกกำหนดด้วยราคาของ Bitcoin
ดังนั้นความเชื่อมั่นของตลาดคริปโตปัจจุบันที่เปลี่ยน “เป็นกลาง” จึงบ่งชี้ให้เห็นถึงสัญญาณของความไม่แน่นอน หรือกล่าวอีกนัยหนึ่งคือ ดัชนีนี้แสดงให้เห็นว่านักลงทุนยังคงมีความรู้สึกลังเลเกี่ยวกับแนวโน้มของตลาด
อย่างไรก็ตามความรู้สึกของผู้คนในตลาดนั้นไม่ใช่ปัจจัยหลักที่จะส่งผลต่อระดับราคาของสกุลเงินคริปโตเสมอไป อีกทั้งเมื่อพิจารณาจากเหตุการณ์ในอดีตที่ผ่านมานั้นหลายครั้งระดับราคาของเหรียญคริปโตก็ได้มีการเปลี่ยนแปลงสวนทางกับความรู้สึกของตลาด อย่างเช่นที่เกิดขึ้นในช่วงเดือนธันวาคมปีก่อนซึ่งมีการซื้อขาย Bitcoin กันอยู่ในระดับที่ 6,500 ดอลลาร์ แต่ดัชนีความกลัวและความโลภนั้นกลับแสดงถึงความกลัวอย่างมากในตลาด เมื่อราคาของเหรียญเพิ่มขึ้นมากถึง 1,000 ดอลลาร์
ดังนั้นแล้วเราจึงควรที่จะพิจารณาถึงปัจจัยอื่น ๆ ที่เกี่ยวข้องกลับการเปลี่ยนแปลงของราคาประกอบกับการติดตามข่าวสารในวงการเพื่อที่จะไม่พลาดโอกาสสำคัญในตลาดคริปโต
ที่มา : ลิงก์