รายงานวิจัยใหม่ที่ตีพิมพ์โดย New York Digital Investment Group (NYDIG) คาดการณ์ว่า การปล่อยก๊าซคาร์บอนจากการขุด Bitcoin นั้นจะยังคงต่ำกว่าระดับ 0.5% เมื่อเทียบกับอุปสาหกรรมอื่น ๆ ทั่วโลกในอีก 10 ปี
อย่างไรก็ตามการปล่อยก๊าซคาร์บอนบนเครือข่ายอาจมีการเปลี่ยนแปลงได้ในอนาคต ขึ้นอยู่กับความผันผวนของราคา Bitcoin การปรับตั้งค่าความยากในการขุดและการใช้พลังงาน
รายงานวิจัยคาดว่า การปล่อยก๊าซคาร์บอนจากการขุด Bitcoin นั้นจะยังคงเป็นเพียงเศษเสี้ยวเดียวของยอดรวมการปล่อยก๊าซคาร์บอนในทั่วโลก แม้ว่าราคาของ BTC จะเพิ่มขึ้นอย่างมหาศาลในอีก 10 ปีข้างหน้า
“แม้แต่ในสถานการณ์ที่ตลาด Bitcoin มีมูลค่าสูงถึง 10 ล้านล้านดอลลาร์ภายในปี 2030 การปล่อยก๊าซคาร์บอนนั้นก็ยังคงอยู่ที่เพียง 0.9 เปอร์เซ็นต์ของทั้งหมดทั่วโลก และการใช้พลังงานจะคิดเป็นเพียง 0.4 เปอร์เซ็นต์ของทั้งหมดทั่วโลก”
รายงานวิจัยได้คาดการณ์การเติบโตของการขุด Bitcoin โดยอิงจากข้อมูลในปี 2020 ด้วยการคำนวณวอลุ่มการใช้พลังงานของนักขุด Bitcoin ในอดีต รวมถึงอัตราแฮชเรตบนเครือข่ายและประสิทธิภาพของเครื่องขุดรุ่นใหม่
สำหรับในปี 2020 นักวิจัยพบว่า Bitcoin มีการใช้พลังงานไฟฟ้าอยู่ที่ 62 TWH และมีการปล่อยก๊าซคาร์บอนอยู่ที่ 33 ล้านตันคิดเป็น 0.04% ของการใช้พลังงานทั่วโลกและ 0.1% ของการปล่อยก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์ทั่วโลก
ปัจจุบันการขุด BTC มีการใช้พลังงานไฟฟ้าอยู่ที่ 101 TWh ต่อปีหรือคิดเป็น 0.45% ของพลังงานที่ถูกใช้ในทั่วโลก
รายงานวิจัยยังสรุปด้วยว่าโอกาสในการ “ลดก๊าซคาร์บอน” จากการขุด Bitcoin ในอนาคตเริ่มแสดงให้เห็นถึงสัญญาณการเปลี่ยนแปลงครั้งสำคัญ โดยนักวิจัยเขียนระบุว่า :
“ในระยะยาวความเข้มข้นของการปล่อยก๊าซคาร์บอนจากการขุด Bitcoin จะลดน้อยลง เนื่องจากการเปลี่ยนไปใช้พลังงานหมุนเวียนที่มีแนวโน้มเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง และประเทศต่าง ๆ ก็เริ่มที่จะปรับใช้นโยบายเพื่อลดการปล่อยก๊าซสำหรับโรงงานผลิตไฟฟ้าของพวกเขาแล้ว”