<?php wp_title('|', true, 'right'); ?>

รายงานพบว่า แฮ็กเกอร์ได้ขโมยเงินคริปโตไปกว่า 1.3 พันล้านดอลลาร์ ในช่วงไตรมาสแรกของปี 2022

ติดตามสยามบล็อกเชนบนSiam Blockchain

ถึงแม้ในช่วงต้นปีที่ผ่านมาราคาของ Bitcoin จะร่วงลงอย่างรุนแรง แต่ด้านแฮ็กเกอร์เองก็ยังคงคิดหาวิธีการแฮ็กรูปแบบใหม่ ๆ เพื่อนำมาใช้ขโมยเหรียญคริปโตของผู้ใช้งานอยู่อย่างต่อเนื่อง โดยเหล่าแฮ็กเกอร์และพวกนักต้มตุ๋นสามารถทำเงินได้หลายล้านดอลลาร์จากการขโมยเงินคริปโตในช่วงไตรมาสแรกของปีนี้

จากการวิจัยใหม่ของทีม Atlas VPN พบว่า แฮ็กเกอร์ได้ขโมยเงินประมาณ 1.3 พันล้านดอลลาร์จากการแฮ็คทั้งหมด 78 รายการในช่วงไตรมาสแรกของปี 2022 นอกจากนี้ การแฮ็กบนเครือข่ายของ Ethereum และ เครือข่าย Solana ยังส่งผลกระทบให้เครือข่ายบล็อกเชนสูญเงินรวมกันเป็นมูลค่าสูงถึง 1 พันล้านดอลลาร์อีกด้วย หากนับในไตรมาสนี้เพียงอย่างเดียว

ในช่วงไตรมาสแรกของปี 2022 เครือข่าย Ethereum ถูกแฮ็กทั้งหมดถึง 18 ครั้ง ส่งผลให้เครือข่ายขาดทุนเกือบ 6.36 ร้อยล้านดอลลาร์ ซึ่งถือเป็นการโจมตีครั้งใหญ่ที่สุดในไตรมาสนี้และเกิดขึ้นเมื่อช่วงปลายเดือนมีนาคมที่ผ่านมา เมื่อเครือข่าย Ronin ของ Axie Infinity ถูกแฮ็ก โดยมีมูลค่าความเสียหายรวมกว่า 6 ร้อยล้านดอลลาร์ 

เช่นเดียวกันกับเครือข่ายของ Solana ในช่วงไตรมาสแรกของปี 2022 ที่ได้ถูกแฮ็กถึง 5 ครั้งด้วยกัน ส่งผลให้สูญเงินไปกว่า 3.97 ร้อยล้านดอลลาร์ Wormhole ซึ่งเป็นตัวกลางในการเชื่อมต่อสื่อสารระหว่าง Solana และเครือข่าย DeFi ตัวอื่น ๆ ถูกแฮ็กเป็นครั้งที่สองในไตรมาสนี้ โดยแฮ็กเกอร์ใช้ประโยชน์จากข้อผิดพลาดในเครือข่าย Solana ในส่วนของการตรวจสอบลายเซ็นในเครือข่าย โดยการสร้าง Wormhole-wrapped คิดเป็นมูลค่าเสียหายกว่า 3.34 ร้อยล้านดอลลาร์

สำหรับเชนอื่น ๆ อาชญากรไซเบอร์ได้เข้าโจมตี 14 โครงการชั้นนำบนเครือข่ายของ Binance Smart Chain ซึ่งส่งผลให้โปรเจกต์สุญเงินรวมกันมูลค่าประมาณ 1 ร้อยล้านดอลลาร์ 

ในขณะที่รูปแบบอื่น ๆ ของการโจมตีเครือข่าย Blockchain จำนวน 10 ครั้ง ส่งผลให้เกิดการสูญเสียมากกว่า 57 ล้านดอลลาร์

ในด้านของ NFT ที่ภายหลังได้รับความนิยมเป็นอย่างมากก็ได้ถูกโจมตีด้วยแฮ็กเกอร์เช่นกัน โดย NFT โดนโจมตีไปถึง 20 ครั้งและมูลค่าความสูญเสียอยู่ที่ประมาณ 49 ล้านดอลลาร์

NFT ตกเป็นเป้าหมายที่ได้รับความนิยมมากที่สุดสำหรับแฮ็กเกอร์บนDiscord เพราะผู้โจมตีบางรายสามารถทำการโจมตีแบบฟิชชิ่งเพื่อขโมย NFT ของผู้ใช้งานได้ง่าย ๆ  นอกจากนี้ นักต้มตุ๋นจำนวนหนึ่งยังได้มีเปิดตัวโปรเจ็กต์ NFT ที่จบลงด้วยการหอบเงินของนักลงทุนหนีไป

ยุคทองของแฮกเกอร์

นับตั้งแต่ Bitcoin ได้ถือกำเนิดขึ้นในปี 2009 เทคโนโลยีของอุตสาหกรรมคริปโตก็ได้ก้าวหน้าอย่างรวดเร็ว อย่างไรก็ตามเรื่องนี้ บริษัทด้านคริปโตหลายแห่งยังคงล้มเหลวในการสร้างระบบความปลอดภัยที่เพียงพอต่อการป้องกันไม่ให้แฮกเกอร์สามารถโจมตีหรือเจาะระบบได้ 

เงินคริปโตมลค่ากว่า 1.2 หมื่นล้านดอลลาร์ได้ถูกขโมยไปในช่วงตลอด 11 ปีที่ผ่านมา ในขณะที่การแฮ็กที่เกี่ยวข้องกับ Decentralized Finance (DeFi) มีอัตราเพิ่มสูงขึ้นถึง 40%

ในปี 2011 มีการโจมตีเว็บเทรดการแลกเปลี่ยนคริปโตเป็นครั้งแรก โดยแฮ็กเกอร์สามารถขโมยเงินไปทั้งหมด 1 ล้านดอลลาร์ตลอดทั้งปี และในปี 2014 จำนวนเงินที่สูญเสียไปจากการโดนโจมตีด้วยแฮ็กเกอร์เพิ่มขึ้นอย่างมากถึง 645 ล้านดอลลาร์ หลังจากนั้นเป็นต้นมายอดการโจมตีก็พุ่งสูงขึ้นอย่างต่อเนื่อง โดยมีมูลค่าอยู่ที่ 3.2 พันล้านดอลลาร์ในปี 2021