ในทุกวันนี้ NFT ได้ถูกสร้างและใช้งานบนบล็อกเชนหลัก เช่น Ethereum, Solana และ BNB Smart Chain อย่างไรก็ตาม ทีมงานที่อยู่เบื้องหลัง Ordinals เชื่อว่า NFT นั้นยังมีที่อยู่บนบล็อกเชน Bitcoin ได้นั่นจึงทำให้เกิดโปรเจกต์ Ordinals ขึ้นมา
ประวัติศาสตร์ได้พิสูจน์แล้วว่าการเปลี่ยนโค้ดของ Bitcoin เป็นเรื่องยากมาก ปัญหานี้ส่วนใหญ่เกิดจากเครือข่าย node ที่กระจายอำนาจและนักพัฒนาที่ไม่ต้องการเสี่ยงต่อความปลอดภัยของเครือข่าย ด้วยเหตุนี้ Bitcoin NFT จึงไม่ได้รับการผลักดันมากนักอย่างไรก็ตาม การเติบโตของระบบนิเวศขอคริปโตก็ได้เปิดประตูให้ความคิดริเริ่มใหม่ ๆ ซึ่งการสร้าง Bitcoin NFT เป็นส่วนหนึ่งของอนาคตของ Web3
Bitcoin Ordinals คืออะไร?
โปรโตคอล Ordinals เป็นระบบสำหรับการกำหนดหมายเลข satoshi โดยให้หมายเลข serial number ของ satoshi แต่ละตัวและระบบการติดตามการทำธุรกรรมต่าง ๆ พูดง่าย ๆ ก็คือ เลขลำดับช่วยให้ผู้ใช้สร้าง satoshi แต่ละตัวให้มีเอกลักษณ์เฉพาะตัวได้ด้วยการแนบข้อมูลเพิ่มเติมเข้าไป กระบวนการนี้เรียกว่าการทำ “inscription”
satoshi – นั้นเป็นการตั้งชื่อตาม Satoshi Nakamoto ผู้สร้างนามแฝงของ Bitcoin – เป็นสกุลเงินที่เล็กที่สุดของ Bitcoin (BTC) BTC เดียวสามารถแบ่งย่อยออกเป็น 100,000,000 satoshi ซึ่งหมายความว่าแต่ละ satoshi มีมูลค่า 0.00000001 BTC
Satoshis นั้นมีหมายเลขตามลำดับที่ขุดและการถูกโอนย้าย รูปแบบการกำหนดหมายเลขขึ้นอยู่กับคำสั่ง satoshis ที่ถูกขุด ในขณะที่รูปแบบการโอนขึ้นอยู่กับลำดับของ input และ output ของธุรกรรม สิ่งนี้จึงถูกเรียกชื่อว่า “ordinals”
ในขณะที่ NFT แบบดั้งเดิมมีความคล้ายคลึงกับ ordinals อยู่บ้างแต่ก็มีข้อแตกต่างที่สำคัญบางประการ โดยทั่วไปแล้ว NFT ถูกสร้างขึ้นโดยใช้ smart contract บนบล็อกเชน เช่น Ethereum, Solana และ BNB Smart Chain และบางครั้ง สินทรัพย์ที่พวกเขาเป็นนำเสนอจะถูกโฮสต์ไว้ที่อื่น
ในทางกลับกัน ordinals จะถูกฝังไว้บนแต่ละ satoshi โดยตรง ซึ่งจะรวมอยู่ในบล็อกบนบล็อกเชน Bitcoin ทำให้ Ordinals อยู่บน blockchain อย่างสมบูรณ์และไม่จำเป็นต้องมี sidechain หรือโทเค็นแยกต่างหาก ในแง่นี้ ordinal inscription จะสืบทอดในเรื่องของความเรียบง่าย, การไม่สามารถเปลี่ยนแปลงได้, ความปลอดภัยและความทนทานของ Bitcoin เอง
Ordinal Theory และ Inscription
ในบริบทของ Bitcoin Ordinals เป็นวิธีการที่นำเสนอสำหรับการระบุ satoshi แต่ละตัวผ่านหมายเลข serial number และติดตามพวกมันในการจัดหาเหรียญ Bitcoin ตั้งแต่การสร้างเหรียญครั้งแรกจนถึงอายุการทำธุรกรรมทั้งหมด กระบวนการนี้เรียกว่า “inscription” ดังนั้น ordinal inscription ถือเป็นสินทรัพย์ดิจิทัลที่คล้ายกันกับ NFT ที่ถูกฝังไว้บน satoshi ในเครือข่าย Bitcoin กระบวนการนี้เกิดขึ้นได้ด้วยการอัพเกรด Taproot ซึ่งเปิดตัวในวันที่ 14 พฤศจิกายน 2021 ด้วยเหตุนี้ ทำให้มันไม่จำเป็นต้องมี sidechain หรือโทเค็นแยกต่างหาก
เนื่องจาก Ordinal Theory ช่วยให้สามารถติดตามและถ่ายโอน satoshis แต่ละตัวได้ จึงเปิดโอกาสให้รวบรวมพวกมันได้ ขึ้นอยู่กับอุปทานทั้งหมดของ Bitcoin ดังต่อไปนี้ที่ได้รับการกำหนดเพื่อแสดงถึงความหายากของ satoshis ต่างๆ:
- Common : sat ใด ๆ นอกเหนือจาก sat แรกของบล็อก (อุปทานรวม 2.1 พันล้านล้าน)
- Uncommon : sat แรกของแต่ละบล็อก (อุปทานรวม 6,929,999)
- Rare : sat แรกของแต่ละช่วงการปรับความยาก (อุปทานทั้งหมด 3437 )
- Epic : sat แรกหลังจากการ halving แต่ละครั้ง (อุปทานทั้งหมด )
- Legendary : sat แรกของแต่ละ cycle (อุปทานทั้งหมด 5 )
- Mythic: sat แรกของบล็อก genesis (อุปทานทั้งหมด 1)
ที่มา : Binance Academy