ในตอนนี้ หนึ่งในบริษัทคริปโตยักษ์ใหญ่อย่าง Alameda Research กำลังถูกตรวจสอบอย่างหนัก หลังมีส่วนเกี่ยวข้องกับการสร้างเหรียญ Stablecoin ของ Tether อย่าง USDT เป็นมูลค่ากว่า 4 หมื่นล้านดอลลาร์ ซึ่งคิดเป็น 47% ของอุปทานเหรียญทั้งหมดในปัจจุบัน ส่งผลให้คนตั้งคำถามถึงความโปร่งใสของ Tether
โดยข้อมูลนี้ได้รับการเปิดเผยในระหว่างการพิจารณาคดีฉ้อโกงของ Sam Bankman-Fried ผู้ก่อตั้ง FTX และข้อมูลนี้ได้รับยืนยันจาก Conor Grogan ผู้อำนวยการของ Coinbase แล้วว่าเป็นความจริง และในเบื่อต้นทาง Protoss ยังคงตัวเลขไว้ที่ 36.7 พันล้านดอลลาร์ไว้ และจากการสำรวจเพิ่มเติมพบว่ายังมี Wallet อื่นอีก แถมยังมีจำนวนเงินที่มากกว่าอีกด้วย
แต่สิ่งที่มีความเชื่อมโยงกันคือลักษณะการทำธุรกรรมกับ Alameda Research ซึ่งเป็นบริษัทในเครือของ FTX ที่กำลังล้มละลายอยู่ และได้มีรายงานว่าพวกเขาใช้เงินฝากของลูกค้า เพื่อชดเชยความสูญเสียและกระตุ้นการใช้งานในระบบ ส่งผลให้มีการวิพากษ์วิจารณ์กับตัวบริษัทเป็นอย่างมาก
รวมถึงตัว Tether เอง ที่แม้ว่าจะเป็นเหรียญ Stablecoin ที่ได้รับความนิยมมากที่สุด แต่ตัวเหรียญเองกลับไม่เคยผ่านการตรวจสอบเลย ซึ่งก็ได้มีการวิพากษ์วิจารณ์ถึงเรื่องนี้มาอยู่บ่อยครั้ง
Conor Grogan ได้ออกมาชี้ว่ามันเป็นการยากที่จะมีการตรวจสอบการเผาเหรียญนอกเครือข่าย เพราะเครือข่ายของ Tether เองมีแตกต่างกับสกุลเงินคริปโตตัวอื่นๆ ที่จะมี Wallet ในการฝากเงิน ในขณะที่ Tether นั้นโอนเงินออกจากระบบไป ส่งผลให้การติดตามจำนวนเงินทำได้ยาก
และการที่ Alameda สามารถสร้างรายได้ USDT ได้มากกว่าสินทรัพย์ทั้งหมดภายใต้การดูแลของ Tether เอง ส่งผลให้ผู้คนรู้สึกไม่พอใจ และตั้งคำถามว่าลักษณะธุรกรรมเหล่านี้จะส่งผลกระทบต่อระบบนิเวศของคริปโตหรือไม่
สิ่งที่น่าสนใจอีกอย่างคือการที่อุปทานรวมของ USDT บนกระดานเทรดในตอนนี้ได้ขึ้นทำจุดสูงสุดแล้วในรอบหลายเดือน แสดงให้เห็นถึงความต้องการที่มากขึ้น และถ้าหากว่าตัวเหรียญได้รับผลกระทบจากการตัดสินใจเชิงกลยุทธ์ของ Tether ก็อาจส่งผลต่อตลาดในวงกว้างได้
ที่มา: AMBCrypto