Craig Wright นักวิทยาศาสตร์คอมพิวเตอร์ชาวออสเตรเลีย รายนี้อ้างว่า เขาจำชื่อผู้รับ Bitcoin ทั้งหมดหลายร้อยคน ที่คาดว่าเป็นของ “Satoshi” ไม่ได้
ในวันที่ 7 ของการพิจารณาคดี COPA v. Wright ซึ่งเป็นคดีที่เกี่ยวกับการฟ้องร้องของ COPA (บริษัทด้านการลงทุน) ต่อ Craig Wright เผยให้เห็นจุดอ่อนที่ชัดเจนในการโต้แย้งกับศาลว่า เขาคือ Satoshi Nakamoto ผู้สร้าง Bitcoin
ภายใต้แรงกดดันจากอัยการนั้น Craig Wright ไม่สามารถระบุชื่อบุคคลอื่นใดได้แม้แต่คนเดียว นอกเหนือจากบุคคลที่เป็นที่รู้จักอยู่แล้ว (จากการเปิดเผยข้อมูลสาธารณะ) ภายใต้ชื่อของ Satoshi
Satoshi ส่ง Bitcoin ให้ใคร?
ตามข้อมูลที่สรุปโดย @bitnorbert บนแพลตฟอร์มโซเชียลมีเดีย X อัยการ COPA ขอให้ Craig Wright นักวิทยาศาสตร์คอมพิวเตอร์รายนี้ยืนยันว่า เขาเคยส่ง BTC ให้กับใครบ้าง นอกเหนือจาก Hal Finney และ Zooko Wilcox ผู้ร่วมก่อตั้ง ZCash
Craig Wright ยืนยันว่าเขาเคยส่ง Bitcoin ให้กับผู้คนหลายร้อยคน ผ่านทางบริษัทของเขา ซึ่งที่อยู่บล็อกเชนเหล่านี้ถูกเข้าใจโดยคนทั่วไปว่าเป็นของ Satoshi Nakamoto ซึ่ง Zooko Wilcox ยืนยันว่าเขาไม่เคยได้รับ Bitcoin จาก Satoshi
อย่างไรก็ตาม คำให้การของ Craig Wright ขัดแย้งกับคำยืนยันของ Zooko เองว่าเขาไม่เคยได้รับ Bitcoin จาก Satoshi
เมื่อถูกถามเกี่ยวกับเหรียญที่ Satoshi โอนไปให้คนอื่น ๆ “หลายร้อยคน” Craig Wright บอกว่า เขาไม่สามารถ “จำมันทั้งหมดได้” ผู้พิพากษา Edward James Mellor ขอให้ Craig Wright ระบุชื่อเพียงชื่อเดียว แต่เขากลับจำไม่ได้
Craig Wright ยังต้องเผชิญกับคำถามเกี่ยวกับโพสต์บนบล็อกสาธารณะที่เขาเคยลงนามเพื่อพิสูจน์ว่าเขาคือ Satoshi ที่ถูกผู้เชี่ยวชาญวิพากษ์วิจารณ์อย่างดุเดือด
เมื่อถูกถามว่า “เซสชันการลงนาม” จะเป็นข้อพิสูจน์ที่ถูกต้องหรือไม่ หากบุคคลนอกเหนือจาก Satoshi สามารถรับ private keys ที่อยู่เบื้องหลังพวกเขาได้ Craig Wright ตอบว่า “ไม่เลย”
“คุณไม่ได้พิสูจน์การมีตัวตนผ่านการครอบครองบางสิ่งบางอย่าง คุณพิสูจน์ด้วยความรู้ คุณเป็นใคร อะไรคือสิ่งที่คุณสร้าง” Craig Wright กล่าว
“โดยรวมแล้ว นี่เป็นอีกวันที่ชายคนหนึ่งถูกกดดันต้องจนมุมในศาลอย่างหมดหนทาง ทนายความของเขา ถูกบังคับให้นั่งเงียบ ๆ และเฝ้ามอง” เขาโพสต์ข้อความลงบนแพลตฟอร์มโซเชียลมีเดีย X ในวันอังคาร โดยตั้งข้อสังเกตว่า ผู้พิพากษา Mellor ต้องขัดจังหวะ Wright หลายครั้งเพื่อ “ให้เขาตอบคำถาม”
ที่มา : cryptopotato