เมื่อวันที่ 11 มีนาคมที่ผ่านมา ตลาดหลักทรัพย์ลอนดอน (LSE) ได้ออกมาประกาศว่าจะเริ่มรับใบสมัครสำหรับตราสารหนี้ Bitcoin และ Ethereum crypto exchange-traded note (ETNs) ในไตรมาสที่สองของปี 2024
โดยทางตลาดหลักทรัพย์ได้ออกมายืนยันแล้วว่า จะยอมรับใบสมัครตามแนวทางที่ระบุไว้ในเอกสารข้อมูลคำร้องของคริปโต ETN อย่างไรก็ตามทางตลาดหลักทรัพย์ไม่ได้ระบุวันที่แน่ชัดว่าจะเริ่มรับใบสมัครเมื่อใด
ทว่าในเอกสารที่ได้ประกาศออกมานั้นได้ระบุว่า คริปโต ETN ควรได้รับการสนับสนุนทางกายภาพและไม่อนุญาตให้การใช้ประโยชน์ใดๆ ซึ่งผู้ให้บริการควรที่จะมีการวิเคราะห์ราคาตลาดหรือการวัดมูลค่าของสินทรัพย์อ้างอิงและเปิดเผยต่อสาธารณะรวมถึงต้องมีการถือครอง Bitcoin และ Ethereum จริงด้วย
ตลาดหลักทรัพย์ได้เน้นย้ำว่า สินทรัพย์คริปโตพื้นฐานควรถูกเก็บไว้ใน Cold Wallet หรือสิ่งที่คล้ายกัน นอกจากนี้ สินทรัพย์ควรถูกถือครองโดยผู้ดูแลภายใต้กฎหมายต่อต้านการฟอกเงินในสหราชอาณาจักร สหภาพยุโรป สวิตเซอร์แลนด์ หรือสหรัฐอเมริกา
นอกจากนี้ ตลาดหลักทรัพย์ยังได้กำหนด ETN ว่าเป็น “ตราสารหนี้ที่ให้ความเสี่ยงต่อสินทรัพย์อ้างอิง” โดย คริปโต ETN จะอนุญาตให้นักลงทุนซื้อขายหลักทรัพย์ที่ติดตามประสิทธิภาพของสินทรัพย์คริปโตในช่วงเวลาการซื้อขายของการแลกเปลี่ยน
โดย ETN ได้รับการพิจารณาอย่างกว้างขวางว่าเป็นทางเลือกที่ปลอดภัยสำหรับกองทุนซื้อขายแลกเปลี่ยนอย่าง ETF ซึ่งต่างกันตรงที่ ETN เป็นตราสารหนี้ที่ได้รับการสนับสนุนจากผู้ออกมากกว่ากลุ่มสินทรัพย์ ในขณะที่ ETF มักมุ่งเน้นไปที่กลยุทธ์ที่ลึกลับซึ่งไม่เหมาะกับกองทุนได้ง่าย
ในขณะเดียวกัน Financial Conduct Authority (FCA) ของสหราชอาณาจักรก็ประกาศว่าจะไม่คัดค้านคำขอจาก Recognized Investment Exchanges (RIEs) เพื่อสร้างกลุ่มตลาดสำหรับคริปโต ETN และยังอนุญาตให้ตลาดแลกเปลี่ยนสามารถเสนอผลิตภัณฑ์ให้กับ “นักลงทุนมืออาชีพ” รวมถึงสถาบันสินเชื่อและบริษัทการลงทุนที่ได้รับอนุญาตหรือควบคุมให้ดำเนินการในตลาดการเงิน
อย่างไรก็ตาม แม้ว่าตลาดหลักทรัพย์จะอนุญาตให้เสนอคริปโต ETN ให้กับสถาบันต่างๆ ได้ แต่ FCA ก็ได้ออกมาแย้งกว่าการกระทำดังกล่าวนั้นไม่เหมาะสำหรับนักลงทุนรายย่อยเนื่องจากตลาดคริปโตมีความเสี่ยงมากเกินไป พร้อมกับออกมากล่าวว่า การขายคริปโต ETN ให้กับผู้บริโภครายย่อยจะยังคงถูกสั่งห้ามอยู่
“FCA ยังคงเตือนกับผู้คนว่าสินทรัพย์ดิจิทัลมีความเสี่ยงสูงและไม่ได้รับการควบคุมส่วนใหญ่ ผู้ที่ลงทุนควรเตรียมพร้อมที่จะสูญเสียเงินทั้งหมด”
ที่มา: Cointelegraph