Crypto Wormhole คือช่องทางที่เปิดโอกาสให้ผู้ใช้สามารถเคลื่อนย้ายโทเค็นจากบล็อกเชนหนึ่งไปยังอีกบล็อกหนึ่งได้ผ่านเส้นทางลับ ซึ่งบล็อกเชนทั้งสองจะต้องเชื่อมต่อผ่านสัญญาอัจฉริยะ โดย Crypto Wormhole สามารถใช้เพื่อแลกเปลี่ยนสินทรัพย์ระหว่างบล็อกเชนต่างๆ โดยไม่จำเป็นต้องมีการแลกเปลี่ยนจากบุคคลที่สาม ทำให้เป็นตัวเลือกที่น่าสนใจสำหรับผู้ที่ต้องการซื้อขายสกุลเงินดิจิทัลโดยไม่เปิดเผยตัวตน
Crypto Wormhole คืออะไร และมันทำงานอย่างไร?
Crypto Wormholes เป็นโปรโตคอลที่จะทำให้ผู้ใช้สามารถเคลื่อนย้ายโทเค็นระหว่างบล็อกเชนต่างๆ โดยไม่ต้องผ่านกระดานซื้อขายซึ่งเป็นบุคคลที่สาม
โดย Wormholes ได้นำเสนอโซลูชั่นที่เป็นเอกลักษณ์นี้ผ่าน 2 หัวใจสำคัญของบล็อกเชน ได้แก่ ความสามารถในการถ่ายโอนโทเค็นและการทำงานร่วมกันระหว่างเครือข่าย
ซึ่งการใช้ Wormholes จะทำให้โทเค็นและข้อมูลผู้ใช้สามารถย้ายระหว่างบล็อกเชนได้อย่างรวดเร็วและปลอดภัย โดยไม่ต้องอาศัยฐานข้อมูลจากกระดานแลกเปลี่ยนหรือโซลูชันที่มีช่องโหว่อื่น ๆ ทำให้ผู้ใช้ไม่ต้องกังวลกับความเสี่ยงระหว่างคู่สัญญาอีกต่อไป
นอกจากนี้ Wormholes ยังเปิดโอกาสให้แอปพลิเคชันแบบกระจายอำนาจ (DApps) และแพลตฟอร์มสัญญาอัจฉริยะบนเครือข่ายที่แตกต่างกันสามารถโต้ตอบกันได้ เปิดช่องทางที่จะย้ายทรัพยากรจากเครือข่ายหนึ่งที่จะย้ายไปยังอีกเครือข่ายหนึ่งได้พร้อมกัน ซึ่งการสร้างการเชื่อมโยงที่จำเป็นอย่างมากสำหรับเครือข่ายบล็อกเชนที่แยกออกจากกัน
และเพื่อให้บรรลุเป้าหมายนี้ Crypto Wormholes จะใช้สัญญาอัจฉริยะเพื่อเชื่อมโยงบล็อกเชนสองอันเข้าด้วยกัน รวมถึงสร้างโทเค็นใหม่สำหรับแต่ละบล็อกเชน ซึ่งโทเค็นใหม่นี้เรียกว่าโทเค็น “รูปแบบห่อ” (wrapped) ตัวอย่างเช่น หากคุณต้องการย้ายสินทรัพย์ที่ใช้ Ethereum จากเครือข่ายหนึ่งไปยังอีกเครือข่ายหนึ่ง คุณแค่แปลงเป็นโทเค็นที่เป็น ERC20 ก่อน (เช่น WETH: Wrapped Ether) ก่อนจึงจะสามารถย้ายข้ามเครือข่ายได้ผ่าน Wormholes ได้ทันที และการมาของโปรโตคอลนี้เป็นที่น่าสนใจสำหรับเทรดเดอร์ที่กำลังมองหาการซื้อขายที่รวดเร็วและมีค่าธรรมเนียมการทำธุรกรรมต่ำ
บทบาทของโหนดที่จะตรวจสอบความถูกต้องในรูหนอนคืออะไร?
ในระบบนิเวศของ Wormhole นั้นจะได้รับการปกป้องอย่างเข้มงวดผ่านโหนดที่จะตรวจสอบความถูกต้องและได้รับการดูแลอย่างระมัดระวัง โดยโหนดเหล่านี้ได้นำโปรโตคอลที่เข้มงวดเป็นพิเศษมาใช้เพื่อประเมินและจัดการธุรกรรมที่เกิดขึ้นระหว่างการเคลื่อนย้ายสินทรัพย์ใดๆ ก็ตาม
ซึ่งผู้พิทักษ์หลักเหล่านี้บางส่วนประกอบด้วยโหนดที่ได้รับความนิยมเช่น Everstake ที่หนึ่งในแพลตฟอร์มเดิมพันชั้นนำระดับโลก
และเมื่อธุรกรรมเริ่มต้นขึ้น ผู้ปกครองเหล่านี้จะประเมินคำขอก่อนที่จะรักษาความปลอดภัยโทเค็นในสัญญาอัจฉริยะ ก่อนที่จะนับจำนวนโทเค็นที่เท่ากันเพื่อสร้างไปยังห่วงโซ่ปลายทางในรูปแบบสินทรัพย์ที่ห่อด้วยบล็อกเชน ซึ่งในการค้าขายแต่ละครั้งนั้นจะต้องเสียค่าธรรมเนียมการทำธุรกรรมทั้งผู้ส่งและผู้รับ
นอกจากนี้ระบบนิเวศ Wormhole ยังช่วยให้ผู้ใช้สามารถถ่ายโอนโทเค็นระหว่างบล็อกเชนได้อย่างปลอดภัยและรวดเร็วในลักษณะที่ไม่น่าเชื่อถือ ซึ่งทั้งหมดนี้ทำได้โดยใช้โหนดในการกลั่นกรองธุรกรรม และตรวจสอบภายในไม่กี่วินาที และเมื่อได้รับการยืนยันแล้ว ข้อความจะเข้าถึงได้แบบสาธารณะในเครือข่ายปลายทาง ทำให้ผู้ใช้สามารถเข้าถึงได้จากที่นั่นได้อย่างง่ายดาย ด้วยวิธีนี้ ระบบนิเวศของ Wormhole จะช่วยอำนวยความสะดวกในการส่งข้อความที่รวดเร็วและปลอดภัยผ่านเครือข่ายบล็อกเชนต่างๆ
ประโยชน์ของการใช้ Wormhole
ประโยชน์หลักของการใช้โปรโตคอลรูหนอนคือผู้ใช้สามารถแลกเปลี่ยนโทเค็นระหว่างบล็อกเชนต่างๆ ได้โดยไม่ต้องอาศัยการแลกเปลี่ยนแบบรวมศูนย์ สิ่งนี้ช่วยลดความเสี่ยงของคู่สัญญา และยังช่วยให้เทรดเดอร์สามารถรักษาสินทรัพย์ของตนไว้ได้โดยไม่เปิดเผยตัวตน นอกจากนี้ Wormhole ยังสามารถใช้เป็นวิธีในการเข้าถึงตลาดใหม่ๆ และแหล่งรวมสภาพคล่องที่อาจไม่เคยมีมาก่อน
ความเสี่ยงที่เกี่ยวข้องกับ Wormhole
เช่นเดียวกับกิจกรรมที่เกี่ยวข้องกับสกุลเงินดิจิทัล ความเสี่ยงบางอย่างเกี่ยวข้องกับการใช้รูหนอน ตัวอย่างเช่น เนื่องจากธุรกรรมเกิดขึ้นทันทีระหว่างบล็อกเชน จึงไม่สามารถย้อนกลับหรือยกเลิกได้ในกรณีที่เกิดข้อผิดพลาดหรือการฉ้อโกง
และโปรโตคอล Wormholes บางตัวอาจกำหนดให้ผู้ใช้จัดเตรียม Wallet เพื่อจัดเก็บทรัพย์สิน ซึ่งจะเพิ่มความเสี่ยงที่จะถูกขโมยหรือสูญหายได้ นอกจากนี้โปรโตคอล Wormhole ยังค่อนข้างใหม่และอาจไม่ปลอดภัยเท่ากับวิธีในการแลกเปลี่ยนโทเค็นแบบทั่วไป
อะไรทำให้ Wormhole แตกต่าง?
1.การสนับสนุน Multi-chain
เทคโนโลยี Wormhole มุ่งมั่นที่จะปฏิวัติพื้นที่ DeFi ด้วยการเปิดใช้งานระบบหมุนเวียนที่ราบรื่นระหว่างระบบกระจายอำนาจหลายระบบ ทำให้ผู้ใช้สามารถสัมผัสกับโปรโตคอล DeFi ต่างๆ ได้ง่ายขึ้น โดยไม่ต้องอาศัยการแลกเปลี่ยนแบบรวมศูนย์ สิ่งนี้ช่วยให้เทรดเดอร์สามารถโอนสินทรัพย์ ERC20 ของพวกจากเครือข่าย Ethereum ไปยังบล็อกเชนอื่น ๆ ได้อย่างรวดเร็ว รวมถึงช่วยให้นักลงทุนจากบล็อกเชนอื่น ๆ เข้าถึงระบบนิเวศ Ethereum DeFi ได้อย่างง่ายดายอีกด้วย
ในขณะเดียวกัน Wormhole ยังช่วยบรรเทาทุกข์ให้กับผู้ที่ได้รับผลกระทบจากราคาน้ำมันที่ขัดขวางไม่ให้พวกเขามีส่วนร่วมในกิจกรรม DeFi ได้ เนื่องจาก Wormhole ได้มีการรองรับบนเครือข่าย Solana และ Terra ทั้งหมดนี้ทำให้ Wormhole เป็นตัวเลือกที่น่าสนใจบน DeFi
2. NFT cross-chain
อีกฟีเจอร์ที่เป็นนวัตกรรมใหม่ของ Wormhole ที่เป็นข้อได้เปรียบที่ชัดเจนคือการซื้อขาย non-fungible tokens (NFT) ซึ่ง Wormhole จะทำให้ผู้ใช้สามารถย้ายสินทรัพย์ NFT ระหว่างบล็อกเชนหลาย ๆ อันได้โดยไม่มีอุปสรรคทางเทคนิคและมีประสิทธิภาพสูงสุด สิ่งนี้มีประโยชน์อย่างเหลือเชื่อสำหรับนักลงทุนที่กำลังมองหาโอกาสทางการตลาดจากความนิยมที่เพิ่มขึ้นของของสะสมดิจิทัลและสินค้าที่สามารถซื้อขายได้
ซึ่งการเปลี่ยนผ่านจากเครือข่ายหนึ่งไปยังอีกเครือข่ายหนึ่งอย่างราบรื่นนั้นหมายความว่าเทรดเดอร์จะสามารถใช้ประโยชน์จากระบบนิเวศอันอุดมสมบูรณ์ของแอปพลิเคชันที่มีอยู่ในเครือข่ายที่แตกต่างกันได้ อย่างเต็มที่ ต้องขอบคุณ Wormhole ที่ตอนนี้มันง่ายที่จะสำรวจระหว่างเครือข่ายต่างๆ เพื่อค้นหาช่องทางสำหรับการทำธุรกรรมที่จะทำกำไรได้
3.การพัฒนา DApp ที่ง่ายดาย
Wormhole ช่วยให้ผู้พัฒนาสามารถเข้าถึงการสร้าง DApps ได้อย่างง่ายดาย ด้วยการใช้ประโยชน์จากคุณสมบัติของเลเยอร์โปรโตคอลที่แตกต่างกัน ทำให้นักพัฒนาสามารถใช้สินทรัพย์เพิ่มเติมได้ด้วยค่าธรรมเนียมการทำธุรกรรมต่ำ และระบบนิเวศที่มีความปลอดภัยสูงจากบล็อกเชนเลเยอร์ 1 ได้ตามความต้องการ
นอกจากนี้ Wormhole ช่วยลดความยุ่งยากในการเปลี่ยนจากโซลูชัน Layer1 เป็น Layer2 บนแพลตฟอร์มเดียว ช่วยให้นักพัฒนาสามารถสร้างฟังก์ชันที่หลากหลาย เช่น กระเป๋าเงินดิจิทัล DEX หรือ DAO ที่รองรับ Multi-chain ความเก่งกาจนี้คือสิ่งที่ทำให้ Wormhole โดดเด่นจากแพลตฟอร์มอื่น ๆ
ความเสี่ยงจากการโจมตี Crypto Wormhole
แม้ว่า Wormhole จะเป็นวิธีที่สะดวกในการเคลื่อนย้ายระหว่างบล็อกเชนต่างๆ แต่มันก็ไม่ได้ปราศจากความเสี่ยงเสมอไป เพราะผู้โจมตีสามารถใช้ประโยชน์จากโปรโตคอล Wormhole ได้ด้วยการส่งเงินจากเครือข่ายหนึ่งไปยังอีกเครือข่ายหนึ่ง จากนั้นก็สร้างรายการธุรกรรมอีกอันในทันทีเพื่อพยายามใช้ทรัพย์สินของพวกเขาเป็นสองเท่า ซึ่งการโจมตีนี้ได้รับการระบุว่าเป็นภัยคุกคามที่สำคัญ อย่างไรก็ตามก็ได้มีนักพัฒนาได้ใช้มาตรการตอบโต้ เช่น การล็อกเวลา และช่องทางการสื่อสารหลายสายโซ่เพื่อป้องกันการฟอกเงิน
โดยการโจมตีผ่าน Wormhole ที่ใหญ่ที่สุดเกิดขึ้นในปี 2022 ซึ่งเป็นการโจมีที่ครั้งหนึ่งที่ใหญ่ที่สุดในประวัติศาสตร์ DeFi ส่งผลให้ Wrapped Ether ถูกขโมยไปกว่า 120,000 Ether คิดเป็นมูลค่าถึง 320 ล้านดอลลาร์ ซึ่งแฮกเกอร์รายนี้สร้างจำนวนเงินบน Solana และแลก 93,750 Wrapped Ether ไปยัง Ethereum ในขณะที่แลกเปลี่ยนส่วนที่เหลือเป็น SOL และ USDC ผ่าน Solana และถึงแม้ว่าจะดึงดูดแฮ็กเกอร์อย่างมากด้วยเงินรางวัล 10 ล้านดอลลาร์จากทีม Wormhole ผ่านทางที่อยู่ Ethereum แต่ในตอนนี้พวกเขายังไม่ได้รับเงินที่ถูกขโมยคืนแต่อย่างใด
เนื่องจากช่องโหว่ด้านความปลอดภัยของสกุลเงินดิจิทัลยังคงมีอยู่ อาชญากรรมนี้ทำหน้าที่เป็นเครื่องเตือนใจถึงสิ่งที่อยู่ในความเสี่ยง เพราะฉะนั้นแล้วผู้ใช้จำเป็นต้องดำเนินการเพื่อให้แน่ใจว่าเราจะป้องกันตนเองจากอาชญากรรมดังกล่าว
บทสรุป
Wormhole เป็นโซลูชั่นปฏิวัติที่แก้ไขปัญหาที่มีอยู่ในโลกคริปโต และสำหรับนักลงทุนที่ต้องการเป็นส่วนหนึ่งของการขยายธุรกิจอย่างรวดเร็วนี้ ก็สามารถเข้ามาใช้ Wormhole ที่มีการใช้งานที่เป็นมิตรต่อผู้ใช้ และเครื่องมือและบริการที่มีประสิทธิภาพเพื่อลดช่องว่างระหว่างสินทรัพย์ พัฒนาแอปพลิเคชันแบบกระจายอำนาจ (DApps) และเข้าถึงโซลูชัน DeFi ได้
แพลตฟอร์มนี้ไม่เพียงแต่ทำให้ทุกคนสามารถเข้าถึงศักยภาพของอุตสาหกรรมคริปโตได้เท่านั้น แต่ยังช่วยให้การเปลี่ยนแปลงในการลงทุนง่ายขึ้นอีกด้วย และยังมาพร้อมกับการออกแบบที่เรียบง่ายและโต้ตอบได้ ซึ่งมอบทุกสิ่งที่ผู้ใช้ต้องการไว้ในที่เดียวที่สะดวกสบาย
นอกจากนี้ Wormhole ยังมอบโอกาสด้วยระบบที่มีประสิทธิภาพและความสามารถในการใช้งานในระดับสากลสำหรับทุกคนที่มีความหลงใหลในเทคโนโลยีบล็อกเชนและการลงทุนในสกุลเงินดิจิทัล และด้วยการใช้ประโยชน์จาก Wormhole นักลงทุนจะได้รับประโยชน์จากการรักษาความปลอดภัยที่มากขึ้น สภาพคล่องที่เพิ่มขึ้น และการเข้าถึงตลาดใหม่ๆ ในขณะที่ใช้ประโยชน์จากคุณสมบัติต่างๆ มากมาย เช่น ค่าธรรมเนียมการทำธุรกรรมที่ต่ำ การทำธุรกรรมแบบ cross-chain และใช้เวลาไม่มาก สิ่งนี้ทำให้ Wormholes เป็นเครื่องมือที่ยอดเยี่ยมสำหรับผู้ที่ต้องการเพิ่มผลกำไรสูงสุดจากตลาดสกุลเงินดิจิทัล
ที่มา: CryptoPolitan