(BTC) ที่กำลังเผชิญกับแรงกดดันอย่างหนักในตลาด ส่งผลให้ราคาตกลงต่ำกว่า 58,000 ดอลลาร์ นักวิเคราะห์คาดการณ์ว่าอาจเกิดการปรับฐานราคาครั้งใหญ่ถึง 30-40% ในรอบตลาดปัจจุบัน ซึ่งอาจทำให้ราคา Bitcoin ร่วงลงไปแตะระดับที่เคยเห็นในช่วงขาขึ้นก่อนหน้านี้ สร้างความกังวลและความจำเป็นในการวางแผนรับมือของนักลงทุน
Bitcoin ใกล้เคียงระดับ 55,000 ดอลลาร์
ราคา Bitcoin ปรับตัวลดลงอย่างต่อเนื่องตลอดสัปดาห์ที่ผ่านมา ร่วงลงกว่า 10% ทำให้ราคาใกล้เคียงกับ 55,000 ดอลลาร์ ด้านนักวิเคราะห์ Scott Melker ชี้ว่า Bitcoin ได้ทะลุระดับแนวรับสำคัญซึ่งกลายเป็นแนวต้านในปัจจุบัน ส่งผลให้ราคาอาจร่วงลงต่อไป โดยเตือนว่า “ไม่มีอะไรนอกจากอากาศจนกว่าจะถึงราวๆ 52,000 ดอลลาร์” ซึ่งบ่งบอกว่า Bitcoin อาจเผชิญกับภาวะราคาตกอย่างรุนแรงหากรักษาแนวรับปัจจุบันไม่อยู่
Melker ชี้ให้เห็นว่า ดัชนี RSI (Relative Strength Index) ซึ่งมักใช้เป็นตัวบ่งชี้ความน่าจะเป็นที่ราคาจะเด้งกลับเมื่ออยู่ในภาวะขายมากเกินไป (oversold) ยังไม่ถึงระดับนั้น แสดงถึงการขาดแรงซื้อที่แข็งแกร่ง และสนับสนุนแนวโน้มราคาที่จะร่วงลงต่อไป สภาพการณ์นี้สอดคล้องกับแนวโน้มราคาโดยรวมที่เห็นบนกราฟ ซึ่ง Bitcoin แสดงรูปแบบจุดสูงและจุดต่ำที่ลดลงอย่างต่อเนื่อง ส่งสัญญาณถึงแรงกดดันขาลงอย่างต่อเนื่อง
Melker มองว่าการร่วงลงครั้งนี้เป็นเพียงส่วนเล็กน้อยของสิ่งที่จะเกิดขึ้น โดยระบุว่า “นี่เป็นการปรับฐานเพียง 23% ซึ่งตื้นมากสำหรับตลาดกระทิง และสอดคล้องกับการปรับฐานอื่นๆ ในรอบนี้ เรายังไม่ได้เห็นการดึงกลับ 30-40% ในตลาดกระทิงนี้ เหมือนเช่นที่เคยเกิดขึ้นในอดีต”
ผลกระทบต่อตลาดโดยรวม
นอกเหนือจากการเปลี่ยนแปลงราคาในปัจจุบันแล้ว ตัวชี้วัดตลาดโดยรวมยังเผยให้เห็นถึงความท้าทายที่อยู่เบื้องหลัง ข้อมูลจากบริษัทวิเคราะห์บล็อคเชน Santiment แสดงให้เห็นว่า จำนวนผู้ใช้งาน Bitcoin ที่ใช้งานอยู่ต่อวันลดลงอย่างมาก จากกว่า 17 ล้านคนในเดือนมีนาคม เหลือประมาณ 14.7 ล้านคน ณ วันที่ 1 พฤษภาคม ซึ่งบ่งบอกถึงความสนใจ
![](https://siamblockchain.com/wp-content/uploads/2024/06/pasted-image-0-2024-06-26T112548.637-1-1024x551.png)
กิจกรรมของผู้ใช้ที่ลดลง Social Dominance ก็สะท้อนแนวโน้มนี้เช่นกัน โดยลดลง 20%
![](https://siamblockchain.com/wp-content/uploads/2024/06/pasted-image-0-2024-06-26T112606.019-1-1024x565.png)
ราคา Bitcoin ที่ร่วงลงไม่เพียงส่งผลกระทบต่อตัวชี้วัดตลาดที่กล่าวถึงข้างต้นเท่านั้น แต่ยังกระตุ้นให้เกิดการล้างบัญชีจำนวนมาก ส่งผลกระทบต่อนักลงทุนจำนวนมาก โดยข้อมูลจาก Coinglass ระบุว่า ในช่วง 24 ชั่วโมงที่ผ่านมา มีนักลงทุนประมาณ 60,795 คนถูกบังคับขายสินทรัพย์ โดยมูลค่ารวมของการบังคับขายอยู่ที่ 205.12 ล้านดอลลาร์
![](https://siamblockchain.com/wp-content/uploads/2024/06/pasted-image-0-2024-06-26T112627.770-1-1024x303.png)
นอกจากนี้ การเปิดตัวกองทุน Bitcoin spot ETF ที่ฮ่องกงก็น่าผิดหวังยิ่งซ้ำเติมสถานการณ์ โดยกองทุนเหล่านี้มีปริมาณการซื้อขายเพียง 11 ล้านดอลลาร์ในวันแรก ซึ่งแตกต่างอย่างมากกับกองทุน Bitcoin spot ETF ในสหรัฐฯ ที่เปิดตัวในเดือนมกราคม นอกจากนี้ กองทุน Bitcoin spot ETF ของสหรัฐฯ ยังเผชิญกับการไหลออกของเงินลงทุนจำนวนมาก โดยมีการถอนเงินออก 161 ล้านดอลลาร์ในวันอังคารเพียงวันเดียว ซึ่งเป็นวันที่ห้าติดต่อกันที่มีการไหลออกของเงินทุนตามการวิเคราะห์ของ AMBCrypto โดยใช้ข้อมูลจาก SoSo Value
อีกทั้งความคาดหวังว่าธนาคารกลางสหรัฐฯ (เฟด) จะคงอัตราดอกเบี้ยไว้ในระดับเดิมในการประชุม FOMC ครั้งต่อไป เนื่องจากอัตราเงินเฟ้อที่สูงเกินคาด ทำให้นักลงทุนถอนเงินออกจากการลงทุนที่มีความเสี่ยงสูง
ที่มา: ambcrypto