<?php wp_title('|', true, 'right'); ?>

เจาะกลไก “Milestone Farming” กับ เส้นทางสู่ $100,000 ของ Bitcoin

ติดตามสยามบล็อกเชนบนSiam Blockchain

ราคาของ Bitcoin ($BTC) พุ่งทะลุ 94,000 ดอลลาร์ในวันพุธที่ผ่านมา แม้ว่าจะมีการปรับฐานลงเล็กน้อย แต่กระแส Bull Run ที่มุ่งเป้าระดับราคา 100,000 ดอลลาร์ ก็กลับมาคึกคักอีกครั้ง หลังจากที่ตลาดคริปโตซบเซา มานานกว่า 4 เดือน

นักลงทุนกลุ่มแรกของโทเค็น BTC Bull ($BTCBULL) กำลังตื่นเต้นสุดขีด เพราะหาก Bitcoin สามารถพุ่งทะลุระดับ 6 หลักได้สำเร็จ กลไก “Milestone Farming” จะถูกเปิดใช้งานทันที หมายความว่า ผู้ถือเหรียญ $BTCBULL จะมีสิทธิ์รับแอร์ดรอป Bitcoin (BTC) จริง ๆ ตามสัดส่วนจำนวนโทเค็นที่ถือครองอยู่ในกระเป๋า

ขณะนี้ยอดระดมทุน ในช่วงโปรเจกต์เริ่มต้น ใกล้แตะ 5 ล้านดอลลาร์ โดยโทเค็น ราคาซื้อขายอยู่ที่ 0.00248 ดอลลาร์ หากยอดระดมทุน ถึงเป้าภายในไม่กี่วันข้างหน้า ราคาจะปรับตัวขึ้นสู่ระดับถัดไป ซึ่งนับเป็นอีกหนึ่งก้าวสำคัญก่อนที่ $BTCBULL จะเปิดตัวบนกระดานเทรดอย่างเป็นทางการ

Bull Run ของ Bitcoin ครั้งใหญ่ กำลังกลับมา

ราคา Bitcoinกลับมายืนเหนือ 90,000 ดอลลาร์ ได้อีกครั้ง ถือเป็นการฟื้นตัวครั้งใหญ่ จากระดับราคาต่ำสุดราว 74,000 ดอลลาร์ เมื่อต้นเดือนเมษายน โดยปัจจัยสำคัญที่ช่วยหนุน ให้ราคากลับมาเพิ่มขึ้นในครั้งนี้คือ การที่ประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ของสหรัฐฯ ประกาศพักการเก็บภาษีนำเข้า 90 วัน จุดชนวนกระแสการลงทุนในสินทรัพย์เสี่ยงให้กลับมาคึกคักอีกครั้ง

ราคา Bitcoin ที่ฟื้นตัวกลับมาครั้งนี้ ไม่เพียงทะลุระดับ 90,000 ดอลลาร์ แต่ยังพุ่งทะยานขึ้นอย่างแข็งแกร่ง ด้วยแรงหนุน ทั้งจากตลาดคริปโตและบนเครือข่าย โดยกระแสเม็ดเงินลงทุนไหลเข้าสู่กองทุน Spot Bitcoin ETFs อย่างต่อเนื่อง เกิน 900 ล้านดอลลาร์ ติดต่อกันสองวัน และล่าสุดยอดเงินลงทุนไหลเข้าสูงถึง 917 ล้านดอลลาร์ เมื่อวันพุธที่ผ่านมา 

สะท้อนให้เห็นถึงพฤติกรรมนักลงทุนที่กำลังเปลี่ยนแปลงไป โดยผู้ถือครองเหรียญในระยะสั้นเริ่มเทขายทำกำไร ซึ่งเป็นสัญญาณคลาสสิกของการสะสมรอบใหม่ ที่มักนำไปสู่การปรับตัวขึ้นอีกระลอก ขณะที่ผู้ถือครองเหรียญในระยะยาว ยังคงทยอยซื้อ Bitcoin เพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง

ขณะที่นักลงทุนระยะสั้น (STHs) เทขาย Bitcoin ออกไป เพื่อทำกำไร ก็จะมีนักลงทุนระยะยาว (LTHs) ที่กลับมาเข้าซื้อจำนวน 1.38 BTC 

ปัจจุบัน LTHs ได้เข้าซื้อ Bitcoin สะสมเพิ่มอีก 635,340 BTC ส่งผลให้ยอดถือครองรวมแตะ 13.7 ล้าน BTC แล้ว โดยกลุ่มนี้คือ “Diamond Hands” หรือกระเป๋าเงินที่ถือครอง Bitcoin มาแล้ว เกิน 155 วัน ซึ่งมักใช้กลยุทธ์ซื้อช่วงย่อตัว และเทขายในช่วงที่ราคาพุ่งสูง

นักลงทุนในตลาดอนุพันธ์ เริ่มขายสัญญา Put ที่มีหลักประกันเงินสดมากขึ้น สะท้อนความเชื่อมั่นต่อเสถียรภาพราคา และต้องการสะสม $BTC ในระดับที่น่าสนใจ

ขณะเดียวกัน การเปิดสัญญา Call Options ที่ตั้งเป้า $100,000 ภายในสิ้นเดือนก็พุ่งสูง จนแซงหน้าความสนใจฝั่ง Put อย่างชัดเจน บ่งชี้ถึงการเปลี่ยนแปลงของตลาดไปในทิศทางบวก

เมื่อเป้าหมาย $100,000 กลับมาเป็นประเด็นร้อน คำถามที่ตามมาคือ Bitcoin จะทำลายสถิติและสร้างจุดสูงสุดใหม่ได้เมื่อใด

พลังนักลงทุนรุ่นใหม่หนุน Bitcoin ทะยานสู่ 100,000 ดอลลาร์

การเปิดตัวโปรเจกต์ในช่วงเริ่มต้นของ BTC Bull สามารถดึงดูดนักลงทุนรุ่นใหม่ ได้จำนวนมาก ให้เข้ามาสนับสนุนการเบรกทะลุของราคา Bitcoin ในครั้งนี้อย่างล้นหลาม

โดยหากราคา Bitcoin พุ่งทะลุ 150,000 ดอลลาร์ ได้สำเร็จ กลไก Milestone Farming จะเริ่มทำงาน โดยการแจกแอร์ดรอป Bitcoin จริงให้ผู้ถือ $BTCBULL ตามสัดส่วนการถือครอง และจะมีการแจกซ้ำทุกครั้ง ที่ราคา Bitcoin ขยับเพิ่มขึ้นทีละ 50,000 ดอลลาร์ ไม่ว่าจะเป็นที่ 200,000 ดอลลาร์, 250,000 ดอลลาร์ ไปจนถึงเป้าหมาย 1,000,000 ดอลลาร์

นอกจากนี้ ก่อนที่ราคา Bitcoin จะพุ่งสู่ระดับ 150,000 ดอลลาร์ ยังมีอีกหนึ่งฟีเจอร์สำคัญที่จะเปิดใช้งานทันที ที่ราคา Bitcoin พุ่งแตะ 125,000 ดอลลาร์ นั่นคือ “การลดอุปทาน” โดยการเผาเหรียญ $BTCBULL บางส่วนอย่างถาวร คล้ายกับกลไก Halving ของ Bitcoin ที่ช่วยเพิ่มความหายาก และผลักดันราคา $BTCBULL ให้มีแนวโน้มเพิ่มสูงขึ้นในระยะยาว

เช่นเดียวกับราคา Bitcoin ที่มีช่วง Bitcoin Halving ทุก 4 ปี การลดซัพพลายของ $BTCBULL จะเกิดขึ้นทุกครั้งที่ ราคา Bitcoin พุ่งขึ้นไปทำสถิติทุก 50,000 ดอลลาร์ โดยรอบถัดไปจะเริ่มที่ 175,000 ดอลลาร​์, 225,000 ดอลลาร์ และไล่ระดับขึ้นไปอย่างต่อเนื่อง

ดังนั้น หากราคา Bitcoin ยังคงไต่ระดับขึ้นต่อเนื่อง และกระแสความร้อนแรงของ Bitcoin ทะลุเป้าระดับ 100,000 ดอลลาร์ ยังไม่แผ่ว ผู้ถือ $BTCBULL ก็เตรียมตัวรับโอกาสทำกำไรจริง ในทุกช่วงของเส้นทางนี้ไปพร้อมกัน

เส้นทางสู่ระดับ 150,000 ดอลลาร์ ของ Bitcoin ไม่ไกลเกินฝัน

Standard Chartered, Bitwise Asset Management, VanEck, Arthur Hayes, และ Tom Lee ต่างแสดงความเห็นในเชิงบวกตรงกันว่า ราคา Bitcoin มีโอกาสพุ่งแตะระดับ 150,000 ดอลลาร์ ได้จริงและคาดว่าจะได้เห็นในปี 2025

ทั้งนี้ข้อมูลจาก Deribit ยังชี้ให้เห็นว่า นักเทรดออปชันจำนวนมาก กำลังเปิดสถานะคาดหวังให้ราคา Bitcoin ทะลุ 100,000 ดอลลาร์ ขึ้นไป โดยมีความสนใจอย่างชัดเจนที่ระดับ 110,000 ดอลลาร์, 140,000 ดอลลาร์ จนถึง 150,000 ดอลลาร์ เลยทีเดียว 

นอกจากนี้ Jack O. เทรดเดอร์ OTC จาก Wintermute ยังระบุว่า เดือนมิถุนายนนี้เป็นเป้าหมายสำคัญ ที่ราคา Bitcoin อาจแตะระดับ 110,000 ดอลลาร์ได้ โดยมีสถานะการซื้อขายสะสมจำนวนมากที่ระดับนี้ ซึ่งสอดคล้องกับมุมมองของนักวิเคราะห์ Ted Pillows ที่คาดว่า ราคา Bitcoin จะพุ่งขึ้นแตะระดับ 106,000 ดอลลาร์ในเดือนมิถุนายน ก่อนพักฐานช่วงไตรมาส 3 และมีโอกาสพุ่งทะลุ 120,000 ดอลลาร์ ในช่วงไตรมาส 4 

ตอนนี้ตลาดก็กำลังเตรียมตัวรับมือกับการที่ราคา Bitcoin จะพุ่งทะยานสู่ระดับสำคัญเหล่านี้แล้ว 

การซื้อ Bitcoin ทั้งเหรียญอาจดูไกลเกินเอื้อมสำหรับนักลงทุนหน้าใหม่ แต่คุณสามารถเริ่มต้นถือ BTC Bull Token ได้ในราคา 0.00248  ดอลลาร์

เมื่อ $BTCBULL ถูกลิสต์บนกระดานเทรดใหญ่ ๆ และกลายเป็นที่รู้จักในวงกว้าง ราคาก็มีโอกาสพุ่งขึ้นอย่างรวดเร็ว

BTC Bull Token เปิดโอกาสให้คุณเกาะกระแส Bitcoin ตั้งแต่ต้น เหมือนยุคที่ 10,000 BTC ซื้อได้แค่พิซซ่า 2 ถาด

คุณสามารถเข้าเว็บไซต์ BTC Bull Token เพื่อเข้าร่วม โดยถือครอง $BTCBULL ในแอป ก็มีสิทธิ์รับแอร์ดรอป Bitcoin จริงส่งตรงเข้ากระเป๋าอัตโนมัติ

ดาวน์โหลด Best Wallet ได้แล้ววันนี้ บน Google Play และ Apple App Store
ติดตามข่าวสารและอัปเดตแบบเรียลไทม์ได้ที่ชุมชน BTC Bull Token บน X (Twitter) และ Telegram

หากสนใจโปรเจกต์สามารถเข้าไปศึกษา BTC Bull Token  เพิ่มเติม ได้ที่นี่

                                                                                                                                                                                                                                                                                                                                                  
เช็คลิสต์รายละเอียดสถานะ
1. เว็บไซต์ & Whitepaper โปรเจกต์มีเว็บไซต์ที่ดูน่าเชื่อถือ และมีเอกสาร Whitepaper ที่ระบุข้อมูลชัดเจนไม่กำกวม ✔️
2. ความโปร่งใสของทีมงาน ทีมพัฒนามีการเปิดเผยตัวตนชัดเจนไม่ได้ปกปิดข้อมูลแต่อย่างใด
3. Tokenomics เหรียญมีการแจกแจงการปันส่วนที่สมเหตุผล และฝ่ายใดถือครองจนมากเกินไป✔️
4.Smart Contract Smart contract มีความโปร่งใสและถูกตรวจสอบเพื่อให้มั่นใจได้ว่าจะไม่มีการใส่โค้ดแอบแฝงเพื่อโจมตีนักลงทุน ⚠️ (ไม่ชัดเจน)
5. มีกำหนดการชัดเจนโปรเจกต์มีการกำหนดวันสิ้นสุดการระดมทุนพรีเซล รวมถึงวันลิสต์เหรียญอย่างชัดเจน ⚠️ (ไม่ชัดเจน)
6. ผู้ใช้สามารถถอนเงินได้กรณีเกิดปัญหาที่ไม่คาดคิดขึ้น นักลงทุนยังคงสามารถทำการถอนเงินคืนได้
7. คอมมูนิตี้ โปรเจกต์มีชุมชนคอยให้การสนับสนุนจริง ไม่ได้ถูกรันด้วยบอทเพียงอย่างเดียว   ⚠️ (ไม่ชัดเจน)
8. สภาพคล่อง โปรเจกต์มีการล็อกสภาพคล่องเพื่อระงับไม่ให้เกิดการ Rug pull ขึ้น
9. สัญญาณอันตราย โปรเจกต์ไม่มีสัญญาณอันตราย เช่น การระดมทุนจะสิ้นสุดเมื่อราคาถึงระดับ XXX เป็นต้น ⚠️ (ไม่ชัดเจน)
อ่านรายละเอียดเช็คลิสต์เพิ่มเติมได้ที่นี่

บทความนี้จัดทำขึ้นเพื่อให้ข้อมูลเบื้องต้นเกี่ยวกับโปรเจกต์คริปโตเคอร์เรนซีและโทเคนดิจิทัลเท่านั้น มิได้มีเจตนาในการแนะนำหรือเชิญชวนให้ลงทุนคริปโตเคอร์เรนซีและโทเคนดิจิทัลเป็นสินทรัพย์ที่มีความเสี่ยงสูง ผู้ลงทุนอาจสูญเสียเงินลงทุนทั้งหมดได้ โปรดศึกษาข้อมูลให้รอบคอบและลงทุนตามระดับความเสี่ยงที่ท่านยอมรับได้ ทาง Siam Blockchain รวมถึงผู้บริหารและพนักงานของบริษัท ขอสงวนสิทธิ์ที่จะไม่รับผิดชอบในทุกกรณีหากเกิดความเสียหายจากการลงทุนของท่าน

บทความนี้เป็นบทความสปอนเซอร์