<?php wp_title('|', true, 'right'); ?>

กรณีศึกษา : Pudgy Penguins จากโปรเจกต์เสี่ยงล้มละลายสู่หัวแถวทั้งในและนอกวงการคริปโต

ติดตามสยามบล็อกเชนบนSiam Blockchain

ย้อนกลับไปเมื่อช่วงปี 2021-2022 กระแส NFTs ได้รุกคืบเข้ามายังตลาดคริปโตและได้รับความสนใจจากนักลงทุนจำนวนมาก ซึ่งในช่วงเวลาขณะนั้นก็มีคอลเลกชันชั้นนำจำนวนมากออกมาให้เลือกสะสม ไม่ว่าจะเป็น Bored Ape , Cryptopunk หรือ Pudgy Penguins

ทว่า ในปัจจุบันกระแส NFT เริ่มซบเซาลงอย่างหนักแต่ตัวของ Pudgy Penguins (PENGU) ยังคงเฉิดฉายสวนทางตลาดก้าวขึ้นมาเป็นอันดับที่สองของวงการ ทั้ง ๆ ที่้ในอดีตไม่ได้โด่งดังเท่าคอลเลกชันอื่น ๆ ซึ่งสาเหตุที่เป็นเช่นนั้นก็ต้องยอมรับในฝีมือของ Luca Schnetzler หรือที่รู้จักกันในนาม Luca Netz ที่พลิกวิกฤตให้เป็นโอกาส

ดาวที่กำลังจะดับแสง

แต่เดิม Netz เป็นนักลงทุนที่สนใจในตัวของ Pudgy Penguins ในรอบวัฏจักรที่แล้วเขาได้ทำการกว้านซื้อผลงานจนติดอันดับผู้ที่ถือครอง NFT มากที่สุดลำดับต้น ๆ ของโปรเจกต์ ทว่า เมื่อเวลาผ่านไปถึงเดือนเมษายน 2022 ตลาดคริปโตเริ่มเข้าสู่ขาลง Netz ไม่พอใจกับผลตอบแทนที่ได้จากคอลเลกชันนี้เป็นอย่างมาก หลังจากราคาทำจุดต่ำสุดใหม่

ด้วยเหตุนี้เอง เขาจึงตัดสินใจครั้งใหญ่ในการเข้าซื้อบริษัทแม่ “Igloo” ด้วยเงินมูลค่ากว่า $2.5 ล้าน ในรูปของ Ethereum ซ้ำร้ายยิ่งกว่านั้น หลังจากที่ Netz เข้าซื้อบริษัทมาได้ไม่ทันไร ตลาดคริปโตก็เผชิญหน้ากับวิกฤติใหญ่ที่ Terra-LUNA ล่มสลาย กลายเป็นว่าการเทคโอเวอร์ของเขากำลังจะสูญเปล่าเพราะนักเทรดต่างหนีตายออกจากตลาดคริปโตและวงการ NFT ทำให้ Netz ต้องเร่งทำอะไรสักอย่าง

หวนคืนสู่หัวแถวของวงการ

Netz กล่าวว่า ณ ขณะนั้นบริษัทของเขามีเงินสำรองอีกเพียงแค่ 6 เดือน ก่อนที่จะเข้าสู่ภาวะ “ล้มละลาย” ดังนั้นถ้าพวกเขาไม่สามารถเร่งหาเงินสดมาพยุงได้ ก็ไม่ต้องไปหวังอะไรกับเงินดิจิทัลบน Web3 ดังนั้นเขาจึงเดิมพันด้วยการออก “สินค้าที่จับต้องได้” แทนที่จะยึดติดกับการเป็นเพียงแค่ NFT

พอได้ไอเดียแล้ว Netz ก็เลยขยายธุรกิจของเขาไปยังตลาดของเล่นจำพวกตุ๊กตาเพื่อพยุงกิจการให้สามารถไปต่อได้ ด้วยความคิดที่ว่าอย่างน้อยก็มีเงินมาหมุน 

สำหรับสาเหตุที่ตัวของเขากล้าที่จะลงมายังตลาดของเล่นเพราะ Netz เองก็ไม่ธรรมดาเขาสามารถหาเงินล้านได้ตั้งแต่อายุ 18 จากการขายของออนไลน์หลากหลายประเภท ตั้งแต่เครื่องประดับยันของเล่นเด็ก ทำให้เขามีประสบการณ์ช่ำชองในเรื่องการขาย และการตลาดเป็นอย่างมาก 

Netz กล่าวว่า สินค้าประเภทของเล่นนั้นทำรายได้ดีก็จริงแต่มีต้นทุนที่สูงดังนั้นจึงต้องเร่งขยายกิจการ ซึ่งเขาก็ได้ปรับเปลี่ยนแนวทางของแบรนด์อย่างจริงจังเพื่อฉีกภาพลักษณ์เดิมของโปรเจกต์คริปโตออก ด้วยพลังของโซเชียลมีเดียอย่าง Instagram ซึ่งเป็นแพลตฟอร์มที่ฉีกขนบธรรมเนียมของโปรเจกต์คริปโตต่าง ๆ ที่เน้นไปยัง X หรือ เทเลแกรม

เขาเสริมอีกว่าเวลาไปเดินห้าง ผู้คนไม่สนใจหรอกว่าโปรเจกต์คุณจะมีมูลค่าตลาดเท่าไร มีราคาเท่าไร ดังนั้นสิ่งที่จะทำให้คนเกิดความอยากซื้อขึ้นมาคือกระแส ไม่ใช่ตัวเลข และนั่นก็ทำให้ Pudgy Penguins ดังเป็นพลุแตก กลายเป็นบริษัทของเล่นที่มีรากฐานมาจาก NFT เป็นเจ้าแรก ๆ 

จังหวะการขายของเล่นแนวคอลเลกชันของ Netz นอกจากจะเป็นการทำเพื่อยื้อบริษัทแล้วยังมาถูกช่วงถูกจังหวะอีกต่างหาก ยกตัวอย่างง่าย ๆ ก็เห็นได้จากกระแสกล่องสุ่ม Labubu ที่เริ่มแพร่หลายเช่นกัน ซึ่ง Netz เขาเองมีแนวคิดที่ว่าถ้าสินค้าของจริงได้รับความสนใจ สินค้ารูปแบบดิจิทัลก็ย่อมได้รับความสนใจตามมาเช่นกัน

ไปให้ไกลกว่าแค่ NFTs

เมื่อธุรกิจเริ่มอยู่ตัวแล้ว Pudgy Penguins จึงมีความตั้งใจว่าสักวันหนึ่งจะต้องกลายเป็นมาสคอตของวงการคริปโต ทำให้ในเดือนธันวาคม 2024 พวกเขาจึงได้เปิดตัวเหรียญมีม PENGU บนบล็อกเชน Solana ที่เรียกได้ว่ามาแรงสุด ๆ เพราะในระยะเวลาไม่ถึงปีโปรเจกต์ของพวกเขากลับมีบริษัทอย่าง Canary มาขอยื่นจดทะเบียนตั้งกองทุน ETF เลยทีเดียว

อย่างไรก็ตามแม้จะมีการพัฒนาอย่างก้าวกระโดดรากฐานของโปรเจกต์ก็ยังคงเป็น NFT อยู่ดี ซึ่งในระยะหลังเราจะเห็นกระแสที่เริ่มมีการกลับมาให้ความสนใจมากแต่ก็ต้องยอมรับว่าเทียบไม่ได้เลยกับกระแสของปี 2021 ซึ่ง Netz ก็มองว่าการที่ Pudgy Penguins จะอยู่รอดได้โดยไม่ต้องพึ่งพาวัฏจักรหรือตลาดคริปโตนั้น แบรนด์จะต้องโตมากกว่านี้และกลายเป็นไอคอนระดับโลก ซึ่งเขาจะไม่สามารถมาถึงจุดนี้ได้เลยหากขาดชุมชนที่คอยสนับสนุน

ที่มา : Cointelegraph