Paul Atkins ประธานคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์สหรัฐฯ (SEC) กล่าวในงานประชุม Fintech ที่กรุงวอชิงตันว่า “อเมริกาเดินช้าเกินไปในเกมคริปโต”
โดย Paul Atkins ยอมรับต่อหน้าผู้บริหารในวงการการเงินว่า สหรัฐฯ พลาดโอกาสครั้งใหญ่จากความลังเล และความไม่ชัดเจนของกฎระเบียบตลอดหลายปีที่ผ่านมา จนทำให้ “นวัตกรรมคริปโต” และ “ฟินเทคชั้นนำ” ไหลออกนอกประเทศ ไปอยู่ในศูนย์กลางใหม่อย่างสิงคโปร์และดูไบแทน
แต่ตอนนี้คณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์สหรัฐฯ (SEC) ภายใต้การนำของเขา กำลังพยายาม ปรับภาพลักษณ์หน่วยงานกำกับดูแลที่เข้มงวดเกินไป ให้กลายเป็น พื้นที่ที่เปิดกว้างและเป็นมิตรต่อนวัตกรรมมากขึ้น
โดยภารกิจแรกที่สำคัญที่สุดคือ การกู้ศรัทธาของประเทศในโลกสินทรัพย์ดิจิทัล และสร้าง ระบบกฎระเบียบแบบใหม่ที่แตกต่างออกไป โดยระบบใหม่นี้จะไม่ใช่แค่การตรวจจับหรือบังคับใช้กฎหมายเท่านั้น แต่จะเน้นการเปิดช่องทางยกเว้น (Sandbox) เพื่อให้สตาร์ทอัพและบริษัทฟินเทค สามารถทดลองโมเดลธุรกิจใหม่ ๆ ได้อย่างปลอดภัย โดยอยู่ภายใต้การกำกับดูแลที่ผ่อนปรน
Paul Atkins เรียกแนวคิดการปรับกฎระเบียบนี้ว่า เป็นการเปิดประตูต้อนรับนักนวัตกรรมกลับบ้าน พร้อมทั้งเตือนว่า หากสหรัฐฯ ไม่เร่งดำเนินการ ประเทศอื่น ๆ จะวิ่งนำไปไกล โดยเฉพาะในเอเชีย
โดยเฉพาะในเอเชีย แนวคิด “Superapp” ซึ่งเป็นแอปพลิเคชันเดียวที่รวมทุกบริการทางการเงินไว้ครบถ้วน ตั้งแต่การชำระเงิน การลงทุน ไปจนถึงบริการธนาคาร กำลังจะกลายเป็นเทรนด์หลักที่สหรัฐฯ จำเป็นต้องตามให้ทัน
Paul Atkins ยังเสนอให้หน่วยงานรัฐบาลในสหรัฐฯ เร่งปรับตัว โดยการสร้างระบบประสานงานดิจิทัล ระหว่างหน่วยงานกำกับดูแลด้วยกันเอง เพื่อให้กระบวนการ ตรวจสอบและอนุมัติต่าง ๆ เป็นไปอย่างโปร่งใสและรวดเร็ว ซึ่งเป็นสิ่งที่ประเทศในเอเชียกำลังดำเนินการอยู่ เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพในการกำกับดูแลและส่งเสริมนวัตกรรม
คำพูดของเขาได้สะท้อนถึงแนวทางใหม่ของรัฐบาลทรัมป์ ที่หันมาให้ความสำคัญกับนวัตกรรมทางการเงินมากขึ้น อย่างชัดเจน โดยเฉพาะอย่างยิ่งหลังสิ้นสุดยุคของอดีตประธาน SEC อย่าง Gary Gensler ซึ่งเคยถูกวิจารณ์อย่างหนักว่า ต่อต้านคริปโตเกินไป ทำให้บรรยากาศในองค์กรกำกับดูแลเริ่มผ่อนคลายลงอย่างเห็นได้ชัด
Paul Atkins ปิดท้ายด้วยการย้ำว่า แม้สหรัฐฯ จะพลาดโอกาสในช่วง 10 ปีที่ผ่านมา แต่ตอนนี้ยังไม่สายเกินไป โดยถึงเวลาแล้วที่ประเทศต้อง กลับมาเป็นผู้นำในคลื่นนวัตกรรมบล็อกเชนอีกครั้ง ไม่ใช่แค่ผู้ตามหรือผู้ฟ้องร้องอย่างที่ผ่านมา
นี่จึงอาจเป็นสัญญาณใหม่ที่บ่งชี้ว่า สหรัฐฯ กำลังเตรียมกลับเข้าสู่สนามคริปโตอย่างจริงจังอีกครั้ง และครั้งนี้พวกเขาอาจจะไม่ยอมพลาดโอกาสในการเป็นผู้นำอีกแล้ว
ที่มา : coindoo