ตลาดคริปโตเคอร์เรนซีกลับมาคึกคักอีกครั้งเมื่อ Tom Lee ผู้ร่วมก่อตั้งและหัวหน้าฝ่ายวิจัยของ Fundstrat Global Advisors ได้ออกมาวิเคราะห์ผ่านรายการ CNBC Power Lunch ถึงทิศทางราคาของ Ethereum (ETH) ที่กำลังจะเข้าสู่รอบขาขึ้นครั้งใหญ่ โดยเขาคาดการณ์ว่าราคาของ Ether มีโอกาสพุ่งขึ้นไปแตะระดับ 7,000 ถึง 9,000 ดอลลาร์สหรัฐภายในช่วงต้นปี 2026 และในระยะยาวอาจไปได้ไกลถึง 20,000 ดอลลาร์สหรัฐ
ปัจจัยขับเคลื่อนสำคัญไม่ได้มาจากการเก็งกำไรของรายย่อย แต่เป็นการเปลี่ยนแปลงเชิงโครงสร้างของระบบการเงินโลก เมื่อสถาบันการเงินยักษ์ใหญ่ใน Wall Street กำลังเร่งเครื่องนำสินทรัพย์ต่างๆ เข้าสู่ระบบบล็อกเชน หรือที่เรียกว่า “Tokenization” ซึ่งจะทำให้ Ethereum กลายเป็นโครงสร้างพื้นฐานทางการเงินที่สำคัญที่สุดแห่งหนึ่งของโลก
Wall Street ต้องการเปลี่ยนทุกอย่างให้เป็น Token
Tom Lee ได้ขยายความถึงมุมมองเชิงบวกนี้ว่า กรณีการลงทุนใน Ethereum นั้นผูกโยงกับการใช้งานจริงในภาคการเงินสถาบันมากขึ้นเรื่อยๆ โดยเขากล่าวประโยคสำคัญว่า “Wall Street ต้องการที่จะ Tokenize ทุกสิ่งทุกอย่าง” ซึ่งสะท้อนให้เห็นถึงเทรนด์ใหญ่ที่กำลังเกิดขึ้น ไม่ว่าจะเป็นโครงการต่างๆ ของ Robinhood หรือ BlackRock ที่ต่างมุ่งหน้าสู่การนำสินทรัพย์มาอยู่บนเชน
การเปลี่ยนแปลงนี้จะช่วยเพิ่มประสิทธิภาพและความรวดเร็วให้กับระบบการเงินแบบดั้งเดิม ในขณะเดียวกันก็เป็นการสร้างมูลค่าพื้นฐานให้กับเครือข่าย Ethereum ในฐานะแพลตฟอร์มรองรับธุรกรรมเหล่านี้ ซึ่งหากการยอมรับและการใช้งานยังคงขยายตัวต่อเนื่อง เขาเชื่อว่าราคาของ Ether จะสามารถไต่ระดับไปถึง 20,000 ดอลลาร์ได้ในที่สุด
Bitcoin ยังแกร่งในฐานะ Store of Value พร้อมพอร์ตยักษ์ใหญ่ของ BitMine
นอกเหนือจากมุมมองต่อ Ethereum แล้ว Tom Lee ยังคงมีความเชื่อมั่นใน Bitcoin (BTC) อย่างเต็มเปี่ยม โดยเขามองว่า Bitcoin คือแหล่งเก็บรักษาความมั่งคั่ง (Store of Value) ที่แท้จริง และการที่ราคาจะพุ่งไปแตะระดับ 200,000 ดอลลาร์ในปีหน้าถือเป็นเรื่องที่สมเหตุสมผลอย่างยิ่ง แม้ว่าในช่วงที่ผ่านมา Bitcoin อาจจะทำผลงานได้ด้อยกว่าทองคำบ้าง แต่เขามองว่าเป็นเพียงสภาวะชั่วคราวเท่านั้น
ทั้งนี้ ความมั่นใจของ Tom Lee ไม่ได้เป็นเพียงคำพูดลอยๆ เพราะในอีกบทบาทหนึ่งเขาคือประธานของ BitMine Immersion Technologies บริษัทบริหารจัดการคลังสมบัติที่เน้นการลงทุนใน Ether เป็นหลัก ซึ่งข้อมูลจาก CoinGecko ระบุว่าบริษัทมีการถือครอง ETH จำนวนมหาศาลถึง 4,066,062 เหรียญ ตอกย้ำถึงการเดิมพันครั้งใหญ่ในอนาคตของระบบนิเวศนี้
Ethereum ครองเจ้าตลาดสินทรัพย์ RWA กว่า 1.2 หมื่นล้านดอลลาร์
ข้อมูลเชิงสถิติจากปี 2025 ยืนยันถึงบทบาทผู้นำของ Ethereum ในโลกของสินทรัพย์ที่จับต้องได้ (Real-World Assets หรือ RWA) ได้อย่างชัดเจน โดยมูลค่าตลาดรวมของ Tokenized Assets ได้เติบโตขึ้นอย่างก้าวกระโดดจาก 5.6 พันล้านดอลลาร์ในช่วงต้นปี มาอยู่ที่ระดับ 1.89 หมื่นล้านดอลลาร์ในปัจจุบัน
โดยสินทรัพย์ประเภทพันธบัตรรัฐบาลสหรัฐฯ ครองสัดส่วนสูงสุดที่ 8.5 พันล้านดอลลาร์ ตามมาด้วยสินค้าโภคภัณฑ์ที่ 3.4 พันล้านดอลลาร์ ซึ่ง Ethereum เป็นบล็อกเชนที่ครองส่วนแบ่งตลาดสูงสุด โดยมีสินทรัพย์ RWA อยู่บนเครือข่ายมูลค่ากว่า 1.2 หมื่นล้านดอลลาร์ ทิ้งห่างคู่แข่งอย่าง BNB Chain, Solana และ Arbitrum ไปอย่างขาดลอย
นอกจากนี้ยังเป็นฐานที่มั่นหลักของการออก Stablecoin ด้วยมูลค่ารวมกว่า 1.7 แสนล้านดอลลาร์ ยืนยันสถานะการเป็นเลเยอร์หลักในการชำระดุลธุรกรรมสกุลดอลลาร์บนโลกออนไลน์
สถาบันการเงินเดินหน้าเต็มสูบสู่ยุคดิจิทัล
ความสนใจจากสถาบันการเงินยังคงหลั่งไหลเข้ามาอย่างต่อเนื่อง โดยล่าสุดในเดือนธันวาคม Depository Trust & Clearing Corporation (DTCC) ซึ่งเป็นองค์กรหัวใจสำคัญในการจัดการหลังการซื้อขายหลักทรัพย์ของสหรัฐฯ ได้ประกาศแผนที่จะนำพันธบัตรรัฐบาลสหรัฐฯ บางส่วนเข้าสู่ระบบ Tokenization ผ่านเครือข่าย Canton Network ความเคลื่อนไหวนี้ถือเป็นสัญญาณบวกที่มีนัยสำคัญอย่างยิ่ง
เพราะ DTCC คือผู้เล่นระดับมหึมาที่ประมวลผลธุรกรรมหลักทรัพย์มูลค่ารวมกว่า 3.7 ควินกิลเลียนดอลลาร์ในปีที่ผ่านมา การที่องค์กรระดับนี้ขยับตัวเข้าสู่โลกบล็อกเชน ย่อมเป็นการปูทางสู่การยอมรับในวงกว้างและเม็ดเงินมหาศาลที่จะไหลเข้าสู่ระบบนิเวศของคริปโตเคอร์เรนซีในอนาคตอันใกล้
ที่มา: cointelegraph