การวิจัยใหม่ที่จัดทำขึ้นโดย KIS Finance เผยว่า นักลงทุนชาวอังกฤษจำนวนกว่าสองในสามได้มีการกู้ยืมเงินเพื่อนำมาลงทุนในตลาดคริปโต
โดยรวมแล้ว มากกว่าสองในสาม (64%) ของนักลงทุนชาวอังกฤษ ใช้วงเงินสินเชื่ออย่างน้อยหนึ่งแห่งนำมาซื้อคริปโต แม้ว่าสิ่งนี้อาจดูเหมือนเป็นกลยุทธ์การลงทุนที่ดีในช่วงตลาดขาขึ้น แต่ด้วยราคาของ cryptocurrency ที่ร่วงลดลงอย่างหนักหน่วงในช่วงไม่กี่เดือนที่ผ่านมา ทำให้นักลงทุนหลายคนต้องเผชิญกับสภาวะวิกฤตขาดทุนครั้งใหญ่ ในขณะที่พวกเขาต้องแบกรับต้นทุน ในการชำระคืนเงินต้นคืนไปพร้อม ๆ กัน
ความแตกต่างระหว่างนักลงทุนคริปโตหน้าเก่าและนักลงทุนคริปโตหน้าใหม่
หากคุณลงทุน Bitcoin ในเดือนกุมภาพันธ์ 2011 หรือ Ethereum ในปี 2016 ที่มีมูลค่าเพียง 1 ดอลลาร์ คุณจะยิ้มทันที แต่ถ้าหากคุณลงทุนใน Bitcoin หรือ Ethereum ในเดือนที่แล้ว คุณจะสูญเสียเงินลงทุนไปประมาณครึ่งหนึ่ง หากคุณขายพวกมันในตอนนี้
นักลงทุนบางคนอาจจะนั่งทับมือรออย่างอดทน แต่หลายคนอาจเริ่มตื่นตระหนกเมื่อเห็นว่า พอร์ตการลงทุนของพวกเขาลดลงอย่างกระทันหันและเทขายเพื่อยับยั้งการขาดทุนไม่ให้ลุกลามไปมากกว่านี้
ข้อมูลวิจัยเผยให้เห็นว่า นักลงทุนคริปโตชาวอังกฤษผู้ที่มีช่วงอายุระหว่าง 18 ถึง 24 ปีถือเป็นกลุ่มอายุที่มีแนวโน้มกู้ยืมเงินมาเพื่อลงทุนในคริปโตมากที่สุด ในขณะที่กลุ่มที่มีช่วงอายุเพิ่มมากขึ้นจะมีแนวโน้มกู้ยืมเงินเพื่อนำมาลงทุนในคริปโตน้อยลง
ดูเหมือนกลุ่มคนรุ่นหรือ Gen Z (ปัจจุบันอายุต่ำกว่า 25 ปี) จะได้ตกอยู่ภายใต้อิทธิพลของเหล่า Crypto Influencers ที่มอบเรื่องราวการได้รับกำไรอันหอมหวานเพื่อกระตุ้นให้นักลงทุนรุ่นเยาว์กู้ยืมเงินมาลงทุนในคริปโต โดยหวังว่าจะได้รับผลตอบแทนเป็นกอบเป็นกำ
สินเชื่อประเภทใดที่นักลงทุนส่วนใหญ่ใช้ในการลงทุนในคริปโต
ข้อมูลวิจัยยังได้แบ่งประเภทของสินเชื่อผู้ที่กู้ยืมเงินเพื่อนำมาซื้อ crypto โดยมากกว่าหนึ่งในสาม (35.5%) ของนักลงทุนกู้ยืมโดยใช้บัตรเครดิต และเกือบ 1 ใน 5 (19.3%) ใช้เงินซื้อคริปโตจากเงินเบิกเกินบัญชี
บัตรเครดิต
เงินเบิกเกินบัญชี 35.5% – 19.3%
สินเชื่อส่วนบุคคล – 14.6%
สินเชื่อที่มีหลักประกัน – 9%
สินเชื่อเงินด่วน – 7.6%
สินเชื่อที่อยู่อาศัย – 3.3%
Holly Andrews กรรมการผู้จัดการของ KIS Finance กล่าวว่า “ในช่วงไม่กี่ปีที่ผ่านมา อุตสาหกรรมคริปโตเคอเรนซี (cryptocurrency) มีการเติบโตขึ้นอย่างรวดเร็ว และคริปโต (crypto) ได้กลายมาเป็นกระแสหลักในชีวิตประจำวันของผู้คน แม้แต่ยักษ์ใหญ่ด้านเทคโนโลยีอย่าง PayPal ก็ได้เปิดตัวแพลตฟอร์มการซื้อขายสกุลเงินดิจิทัล ทำให้ทุกคนสามารถเข้าถึงได้
แม้ว่า crypto จะช่วยให้ผู้คนทำกำไรได้นับพันหรือนับล้าน แต่ในช่วงไม่กี่เดือนที่ผ่านมา ข้อมูลก็แสดงให้เห็นว่าพวกมันมีความผันผวนอย่างน่าเหลือเชื่อและนักลงทุนสามารถสูญเสียเงินลงทุนไปได้ทั้งหมดภายในช่วงเวลาไม่กี่เดือน
แต่เรื่องที่น่ากังวลที่สุดก็คือ ผู้คนจำนวนมากที่หันไปกู้ยืมเงินเพื่อนำมาซื้อ cryptocurrency เนื่องจากพวกเขาไม่สามารถคาดเดาได้ราคาสินทรัพย์คริปโตจะมุ่งหน้าไปทิศทางไหนและไม่มีรับประกันได้ว่าเงินที่พวกเขาลงทุนไปจะได้รับคืนกลับมา ดังนั้นหากผู้คนลงทุนด้วยเงินที่ไม่ใช่ของตัวเอง มันอาจทำให้เกิดความท้าทายทางด้านการเงินที่ร้ายแรงกับพวกเขาได้ในท้ายที่สุด
ที่มา : londonlovesbusiness