เมื่อวันที่ 15 มกราคม ราคา Ethereum ได้พุ่งขึ้นสูงกว่า 2,500 ดอลลาร์ หลัง Bitcoin Spot ETF ได้รับการอนุมัติ ซึ่งในขณะนี้ ETH ให้ผลตอบแทนที่ดีกว่า BTC เป็นอย่างมาก สังเกตได้จากแนวโน้มของข้อมูลบนบล็อกเชนที่ให้ข้อมูลเชิงลึกเกี่ยวกับแรงขับเคลื่อนสำคัญ คือ ‘Buy-the-rumor, sell-the-news’ ซึ่งเป็นกลยุทธ์การซื้อขายยอดนิยมที่นักเก็งกำไรจะเข้าซื้อเหรียญก่อนเกิดเหตุการณ์สำคัญ และขายทำกำไรเมื่อข่าวได้รับการยืนยันแล้ว
นักเก็งกำไรใน BTC ใช้ประโยชน์จากกลยุทธ์การซื้อขายนี้ เพื่อรับผลกำไรจากการพิจารณาอนุมัติ Bitcoin ETF และจากข้อมูลบนบล็อกเชนก็เผยให้เห็นว่า Ethereum (ETH) กำลังแสดงสัญญาณเริ่มต้นของปรากฏการณ์ในลักษณะที่คล้ายกัน
นักเทรดได้รับผลกำไรจาก Bitcoin มากถึง 97% หลัง ก.ล.ต.อนุมัติ Spot ETF
ตลอด 10 กว่าปีที่ผ่านมาการอนุมัติ Spot Bitcoin ETF ประสบความล้มเหลวมาแล้วหลายต่อหลายครั้ง โดยทางสำนักงานคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ของสหรัฐอเมริกา (SEC) อ้างถึงการปั่นราคาตลาด ความยากลำบากในการควบคุม และความกังวลด้านสภาพคล่อง
อย่างไรก็ตาม ในวันที่ 15 มิถุนายน 2023 ทุกอย่างก็เป็นไปในทางที่ดีขึ้นเมื่อ BlackRock (NASDAQ: BLK ) ยื่นขอเปิดตัว Spot Bitcoin ETF กับ SEC ด้วยมูลค่าพอร์ตการลงทุน (AUM) มากกว่า 13 ล้านล้านดอลลาร์ โดย BlackRock ถือ เป็นหนึ่งในบริษัทจัดการสินทรัพย์ที่ใหญ่ที่สุดในโลก
การที่ BlackRock ลุกขึ้นมาสนับสนุน Bitcoin ในครั้งนี้ ทำให้เกิดความเชื่อมั่นขึ้นในหลายฝ่าย
ในวันที่ 15 มิถุนายน ซึ่งเป็นวันเดียวกันกับที่ Blackrock ยื่นเอกสารกับ SEC อย่างเป็นทางการ ขณะนั้นราคาของ Bitcoin ซื้อขายอยู่ที่ประมาณ 24,800 ดอลลาร์ และภายใน 2 สัปดาห์ถัดมานักเก็งกำไรที่สนใจในข่าวลือนี้รีบเข้าซื้อเหรียญ Bitcoin ในทันที ส่งผลให้ราคาของ Bitcoin พุ่งขึ้น 25% แตะ 30,000 ดอลลาร์เป็นครั้งแรกในรอบ 12 เดือน นับตั้งแต่เดือนมิถุนายน 2022
นับตั้งแต่นั้นการรอคอยปาฏิหาริย์นี้จึงเริ่มต้นขึ้น และเมื่อ SEC ยืนยันการอนุมัติ ก็ทำให้ราคา Bitcoin เพิ่มขึ้นเกือบสองเท่า โดยขยับจาก 24,800 ดอลลาร์ไปสู่ 48,890 ดอลลาร์ สิ่งนี้ส่งผลให้นักเก็งกำไรที่เชื่อข่าวลือนี้ สร้างกำไรได้มากถึง 97%
ไม่น่าแปลกใจเลยที่กระแสการขายทำกำไรที่เกิดขึ้นหลังจากการอนุมัติของ SEC ได้ส่งผลให้ราคา BTC พุ่งขึ้นถึง 15% ขึ้นสู่ระดับ 42,500 ดอลลาร์ ณ วันที่ 15 มกราคม สิ่งนี้ยืนยันว่ากลยุทธ์ buy-the-rumor, sell-the-news นั้นได้ผลจริง
เมื่อ Bitcoin ETF ได้ข้อสรุปแล้ว นักลงทุนจึงเปลี่ยนความสนใจไปที่ Ethereum โดย BlackRock เคยได้ยื่นขอ Spot Ethereum ETF เมื่อวันที่ 16 พฤศจิกายน และในการสัมภาษณ์ครั้งล่าสุดเมื่อวันที่ 12 มกราคม Larry Fink ซีอีโอของ BlackRock ได้เน้นย้ำอีกครั้งว่า Ethereum Spot ETF เป็นสินทรัพย์ประเภทหนึ่ง
ในขณะที่ราคา BTC ลดลง 3.8% แต่ Ethereum กลับเพิ่มขึ้น 13.5% ในสัปดาห์ที่ผ่านมา ส่งผลให้ราคา ETH มีประสิทธิภาพเหนือกว่า BTC ประมาณ 10%
สิ่งที่น่าสนใจนอกเหนือจากปฏิสัมพันธ์ที่แตกต่างกันระหว่างการเคลื่อนไหวของราคา ETH และ BTC ในช่วงสัปดาห์ที่ผ่านมา คือการเคลื่อนไหวเชิงกลยุทธ์ของกลุ่มเจ้ามือ Ethereum ซึ่งเกิดขึ้นตั้งแต่วันที่ 11 มกราคม ที่ผ่านมา เป็นสิ่งยืนยันว่าสัญญาณการเริ่มต้นกลยุทธ์ buy-the-rumor กำลังเกิดขึ้นกับ ETH แล้ว
เจ้ามือ Ethereum ได้รับกำไรจาก ETH ไปแล้ว 1.4 พันล้านดอลลาร์ นับตั้งแต่ Bitcoin Spot ETF ได้รับการอนุมัติ
ตามรายงานของ Coin360 พบว่า ราคา Ethereum มีผลงานที่เหนือกว่า BTC ถึง 10% ในสัปดาห์ที่ผ่านมา เมื่อพิจารณาโดยละเอียดจะพบว่า ตัวชี้วัด On-chain ที่สำคัญเผยให้เห็นว่า ราคาของ ETH ได้รับแรงหนุนจากกลุ่มองค์กรธุรกิจ และนักลงทุนรายใหญ่ที่เพิ่มแรงกดดันทางการซื้อหลังจากคำอนุมัติ Bitcoin ETF เพียงไม่นาน
ตัวชี้วัดของ Santiment แสดงให้เห็นภาพรวมแบบเรียลไทม์ของยอดคงเหลือรวม ที่ถูกควบคุมโดยกระเป๋าที่ใหญ่ที่สุดในระบบนิเวศของสกุลเงินดิจิทัล
ข้อมูลล่าสุด ณ วันที่ 10 มกราคม แสดงให้เห็นว่ากระเป๋าเงิน Ethereum 1,000 อันดับแรก มียอด ETH สะสมเพียง 66 ล้านโทเค็น
แต่เนื่องจากความสนใจได้เบนเข็มมาที่ Ethereum ETF ทำให้นักลงทุน ETH เชิงกลยุทธ์เร่งเข้าซื้ออย่างกระตือรือร้น นับตั้งแต่วันที่ 15 มกราคม ETH สามารถเพิ่มเหรียญได้มากถึง 570,000 โทเค็น รวมเป็น 66.5 ล้านโทเค็นอย่างรวดเร็ว
ราคาซื้อขาย ETH ปัจจุบันอยู่ที่ 2,540 ดอลลาร์ กราฟ ‘dominance”’ ของ Ethereum แสดงให้เห็นว่า นักลงทุน 1,000 อันดับแรกได้เพิ่มการถือครองเหรียญ ETH มากถึง 1.4 พันล้านดอลลาร์ในช่วง 4 วันที่ผ่านมา
การที่มีนักลงทุนรายใหญ่เพิ่มยอดอย่างรวดเร็วในหลักหลายร้อยล้าน ถูกตีความว่าเป็นสัญญาณขาขึ้นที่แข็งแกร่ง เนื่องจากเหตุผลประการแรก คือ แนวโน้มการซื้อของผู้ถือรายใหญ่ช่วยเพิ่มความมั่นใจโดยรวมในระบบนิเวศของสกุลเงินดิจิทัลได้เนื่องจากผู้ถือรายใหญ่มักจะถือครองนานกว่าผู้ถือรายย่อย ทำให้ ETH อยู่ในสถานะที่ดีในการทำกำไร และน่าจะสร้างประวัติศาสตร์ได้ในไม่กี่สัปดาห์ข้างหน้า
แต่สิ่งที่สำคัญไปกว่านั้น คือ ช่วงเวลาของการซื้ออย่างถล่มทลายที่เกิดขึ้นเร็ว ๆ นี้ สิ่งนี้แสดงให้เห็นว่านักลงทุนกำลังเชื่อข่าวลือ และมองว่าการอนุมัติ ETF ของ Bitcoin จะเพิ่มโอกาสการอนุมัติ ETF ของ ETH จาก SEC ได้
กราฟ Ethereum Dominance (ETH.D) ยืนยันในจุดยืนนี้เช่นกัน โดย Ethereum ได้รับส่วนแบ่งการตลาดเพิ่มขึ้น 14% ระหว่างวันที่ 10 มกราคม ถึง 15 มกราคม ในขณะที่ราคา Bitcoin ลดลงเกือบ 15%
สิ่งนี้ชี้ให้เห็นว่า นักเก็งกำไรกำลังเทขาย BTC และซื้อ ETH อย่างรวดเร็ว ก่อนที่จะมีคำตัดสินอนุมัติ ETH ETFออกมาในอนาคต
Ethereum จะแตะ 5,000 ดอลลาร์ในปี 2024 ได้หรือไม่?
จากข้อมูลทั้งหมดที่วิเคราะห์ไปข้างต้น การเก็บกักตุนเหรียญของเจ้ามือรายใหญ่ชี้ให้เห็นว่า ขณะนี้กลยุทธ์ buy-the-rumor กำลังเกิดขึ้นในตลาด Ethereum แล้ว
เนื่องจาก Bitcoin เคยทำกำไรได้ถึง 97% จากคำตัดสินการอนุมัติของ ETF ถ้าหาก SEC มีการอนุมัติ Ethereum ETF และราคาที่พุ่งขึ้นมีตัวเลขที่คล้ายคลึงกันกับ Bitcoin ก็อาจทำให้ Ethereum ราคาขึ้นไปแตะ 5,000 ดอลลาร์
แต่ในช่วงระยะสั้น Ethereum จะต้องผ่านแนวต้านที่ 2,900 ดอลลาร์ เพื่อรักษาโมเมนตัมต่อไปก่อน ทั้งนี้ ชาร์ต TheBlock’s Global In/Out ที่เน้นนำเสนอถึงแนวรับ-แนวต้านที่เป็นไปได้ โดยใช้ราคาในอดีตของผู้ถือ ETH เทียบกับในปัจจุบัน ยังสนับสนุนการคาดการณ์นี้ด้วย โดยแสดงให้เห็นว่า ราคา ETH ที่ซื้อขายอยู่นั้น เหนือ 2,500 ดอลลาร์ในปัจจุบัน และจะทำให้ผู้ถือ ETH มีกำไรถึง 91% หากมีการอนุมัติ Ethereum ETF โดยผู้ถือเหล่านี้มีแนวโน้มที่จะขายเหรียญน้อยลง
อย่างไรก็ตาม ผู้ถือเหรียญ Ethereum 8.5 ล้านคนที่ซื้อเหรียญ ETH จำนวน 4.1 ล้านเหรียญ อาจขายทำกำไรตั้งแต่เนิ่น ๆ เนื่องจากราคาเข้าใกล้จุดคุ้มทุนที่เคยซื้อไว้
ซึ่งในกรณีที่ตลาดซบเซา คำทำนายนี้อาจไม่เป็นผลได้ ถ้าราคา ETH ถอยกลับลงไปต่ำกว่า 2,000 ดอลลาร์ อย่างไรก็ตาม มีนักลงทุนถึง 7.9 ล้านรายที่ได้ซื้อ Ethereum จำนวน 43.4 ล้านเหรียญที่ราคา 2,039 ดอลลาร์เอาไว้ เมื่อพิจารณาว่านี่คือกลุ่มผู้ถือ Ethereum ที่ใหญ่ที่สุดในปัจจุบัน ซึ่งน่าจะมีปริมาณมากเพียงพอที่จะกำจัดความกดดันที่เลวร้ายนี้ไปได้