Bitcoin จะไม่มีวันเป็นส่วนหนึ่งของนโยบายการเงินของสหรัฐฯ ดังนั้นธนาคารกลางสหรัฐฯ จะปราบปรามเหรียญดังกล่าว ผู้จัดการ Portfolio นาย Steve Chiavarone เตือน อย่างไรก็ตามเทคโนโลยี Blockchain ที่อยู่เบื้องหลัง Cryptocurrency ก็จะยังคงอยู่
“ตัว Bitcoin นั้นก็ไม่ได้เป็นสื่อที่ดีในการแลกเปลี่ยน และก็ไม่ใช่สิ่งที่ดีในการเก็บมูลค่าไว้ มันมีจำนวนที่จำกัด ดังนั้น FED จะต้องเป็นผู้ที่ปราบปรามมัน เพราะพวกเขาไม่สามารถมีส่วนร่วมในนโยบายการเงินกับเหรียญนี้ได้” นาย Chiavarone กล่าวในการให้สัมภาษณ์กับทาง CNBC
ธนาคารยอมรับว่าเทคโนโลยี Blockchain สามารถปรับปรุงประสิทธิภาพของการจ่ายเงินและการชำระบัญชีทำให้การชำระเงินข้ามพรมแดนเร็วขึ้นและถูกกว่า อีกทั้งยังช่วยปรับปรุงระบบการยืนยันตัวตนของลูกค้าให้ทันสมัยขึ้น
ตามที่นาย Chiavarone กล่าวมา ตลาด Cryptocurrency ถูกครอบงำโดยความโลภและมันมีสัญญาณของความโลภครั้งแรกตั้งแต่วิกฤตเศรษฐกิจของปี 2008 ที่ขนานนามว่า ‘ภาวะเศรษฐกิจถดถอย’ (Great Recession)
“นักลงทุนอยากจะขึ้นไปอยู่บนรถไฟเหาะในช่วงทศวรรษที่ 90 พวกเขาต้องการผลตอบแทนที่สูง แต่พวกเขาไม่สนใจความผันผวนของราคา Bitcoin เลย” นาย Chiavarone กล่าว
“การถดถอยครั้งใหญ่ทำให้เกิดความกลัวในคนจำนวนมาก ชาวบ้านต้องรับมือกับความเสี่ยงในการเทรด Cryptocurrency เอง”
Bitcoin น่าจะมีชะตากรรมเหมือนกับเว็บ Pets.com ซึ่งเป็นหนึ่งในบริษัท Dot-Com ที่ใหญ่ที่สุด ที่ได้พังทลายเมื่อเกิดการระเบิดของฟองสบู่เทคโนโลยีในช่วงต้นทศวรรษที่ 2000 นาย Chiavarone กล่าว
ตลาด Cryptocurrency ได้กลับมาฟื้นฟูในวันพุธที่ผ่านมา โดย Bitcoin มีมูลค่าอยู่เหนือ 11,000 ดอลลาร์ และสกุลเงินดิจิตอลทั้งหมดบน Coinmarketcap ในอันดับที่ 20 และอันดับที่ 87 จาก 100 อันดับ กำลังฟื้นตัวหลังจากสองวันที่ผ่านมามีแต่ขาดทุน
มูลค่าของ Bitcoin และสกุลเงิน Crypto อื่น ๆ ได้ลดลงมากถึง 50 เปอร์เซ็นต์ในปีนี้ เนื่องจากนักลงทุนกลัวข่าวการปราบปรามในจีนและเกาหลีใต้ นักวิเคราะห์บางคนกล่าวว่านักลงทุนต้องการเพียงเงินสดหลังจากที่ Cryptocurrency มีราคาพุ่งสูงขึ้นเพราะเกิดจากความสำเร็จของ Cryptocurrency ที่เป็นที่รู้จักอย่าง Bitcoin
กดคลิกเพื่อแสดงความเห็น