ในช่วงเช้าของวันนี้ (22 กุมภาพันธ์ 2024) นายเศรษฐา ทวีสิน นายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง ได้ประกาศวิสัยทัศน์ Thailand Vision “IGNITE THAILAND : จุดพลัง รวมใจ ไทยต้องเป็นหนึ่ง” มุ่งเป้าพัฒนาประเทศไทยให้กลายเป็นศูนย์กลางเมืองแห่งอุตสาหกรรมระดับโลก ขับเคลื่อนเศรษฐกิจไทยสู่อนาคตที่ยั่งยืน โดยท่านนายกได้แบ่งหัวข้อ ออกเป็น 8 วิสัยทัศน์ ครอบคลุมทั้งด้าน การท่องเที่ยว การรักษาพยาบาลและสุขภาพ อาหาร การบิน การผลิตยานยนต์แห่งอนาคต เทคโนโลยี และการเงิน โดยในบทความนี้ทางสยามบล็อกเชนจะเจาะลึกในวิสัยทัศน์ที่ 7 และวิสัยทัศน์ที่ 8 ซึ่งเกี่ยวข้องโดยตรงกับเศรษฐกิจดิจิทัล และความเป็นศูนย์กลางทางการเงิน ว่าจะเป็นอย่างไรและประเทศจะเดินหน้าไปในทิศทางไหน สามารถติดตามอ่านได้เลย
ศูนย์กลางเศรษฐกิจดิจิทัล
ทางด้านของศูนย์กลางเศรษฐกิจดิจิทัล (Digital Economy Hun) รัฐบาลตั้งเป้าไว้ว่าจะนำ AI และนวัตกรรมเข้ามาใช้งานเป็นการนำอุตสาหกรรมแห่งอนาคต มาขยายธุรกิจในประเทศไทย โดยเฉพาะอย่างยิ่งเทคโนโลยี High Tech ต่างๆ ไม่ว่าจะเป็นโรงงานผลิต Semiconductor หรือการตั้งสูง Data Center และการรองรับ Cloud Computing โดยรัฐบาลยังคงได้ตั้งเป้าหมายไว้ว่าจะดึงบริษัท Deep Tech ต่าง ๆ ให้เข้ามาทำการลงทุนในไทยผ่านการใช้โมเดล Sandbox ที่รัฐบาลจะมีการตั้งเงินสนับสนุนบริษัทที่ต้องการผ่านกองทุนเพื่อเพิ่มขีดจำกัด และความสามารถในการแข่งขัน พร้อมทำการ Matching Fund อัดฉีดเติมทุนให้กับบริษัทที่มีศักยภาพอีกด้วย
ในขณะเดียวก็เตรียมปรับกระบวนการทางกฎหมายที่เป็นอุปสรรคในการตั้งบริษัท การทำงาน การรับ – จ่ายเงินเดือน การถือครองทรัพย์สินต่าง ๆ เพื่อดึงคนที่มีความสามารถเข้ามาตั้งรกรากในประเทศไทย นอกจากนี้ รัฐบาลจะสนับสนุนให้บริษัทสามารถประกอบธุรกิจข้ามไปยังประเทศเพื่อนบ้านโดยใช้จุดแข็งทางด้านการเป็นศูนย์กลางของภูมิภาค ซึ่งจะทำให้คนรุ่นใหม่ที่อยากจะร่วมงานกับบริษัทชั้นนำในระดับโลก ไม่ต้องย้ายไปอยู่ในต่างประเทศ และจะเปิดโอกาสให้คนไทยที่อยากจะเป็นเจ้าของธุรกิจ Start Up สามารถสร้างธุรกิจระดับ Unicorn ของตนเองได้ต่อไป
ศูนย์กลางทางการเงิน
ทางด้านการเงิน นั้น รัฐบาลตั้งเป้าที่จะทำให้ประเทศไทยกลายเป็นศูนย์กลางทางการเงินของภูมิภาคอาเซียน โดยการสร้างย่านการเงินคล้าย Wall Street ให้เกิดขึ้นมาบนประเทศไทย เพื่อหวังดึงสถาบันการเงินระดับโลกเข้ามาลงทุน ซึ่งจะมีการพัฒนาโครงสร้างพื้นฐานต่าง ๆ เพื่อรองรับระบบการเงินแห่งอนาคต โดยเฉพาะอย่างยิ่งการพัฒนาเทคโนโลยี Blockchain ที่จะเข้ามากำจัดตัวกลางและปลดล็อก Digital Asset ต่าง ๆให้กลายเป็นผลผลิตในโลกแห่งความเป็นจริง เป็นการพัฒนาควบคู่กันไปทั้งระบบการเงินแบบดั้งเดิม และรูปแบบใหม่
มากไปกว่านั้น รัฐบาลจะเริ่มพัฒนาระบบการเงินเพื่อความยั่งยืน Carbon Credit Trading ซึ่งในอนาคตจะมีความสำคัญมากยิ่งขึ้น เพราะจะเข้ามาช่วยแก้ไขปัญหาสิ่งแวดล้อม และเป็นการเพิ่มรายได้ให้กับเกษตรกรชาวไทย
ทั้งนี้รัฐบาลจำเป็นต้องมีหน่วยงาน และกฎระเบียบรองรับการก้าวไปสู่ยุคการเงินสมัยใหม่ด้วยเช่นกัน
ที่มา : thaigov