<?php wp_title('|', true, 'right'); ?>

ผลิตภัณฑ์ของ Ripple มีอะไรบ้าง และแต่ละอย่างใช้งานอย่างไร

ติดตามสยามบล็อกเชนบนSiam Blockchain

เหรียญ Ripple หรือ XRP ที่กำลังอยู่ในอันดับที่ 3 ของโลก และได้รับความสนใจจากนักลงทุน cryptocurrency เป็นอันดับต้น ๆ (มากขนาดที่ทำให้ราคาของมันพุ่งไปกว่า 1,000% ในช่วงต้นปีนี้) และรวมถึงการประกาศเพิ่มหุ้นส่วนที่เป็นสถาบันการเงินอีกหลาย ๆ แห่งที่ทำให้ไม่มีนักลงทุนคริปโตคนไหนแทบจะไม่รู็จักมัน

กระนั้น หลาย ๆ คนควรจะทราบว่าการเติบโตของตัวเลขดังกล่าวนี้มีขึ้นมาจากโปรเจคผลิตภัณฑ์ด้านการจ่ายเงินที่ถูกออกแบบมาเพื่อธนาคารและสถาบันการเงินเสียเป็นส่วนใหญ่

พวกเขาไม่เพียงแค่เคลมว่าผลิตภัณฑ์ของพวกเขานั้นถูกกว่าและเร็วกว่าเท่านั้น แต่ยังมีประสิทธิภาพมากกว่าบริการอื่น ๆ ในตลาดปัจจุบันอีกด้วย

แต่กระนั้น ไม่ใช่ทุก ๆ ผลิตภัณฑ์ของ Ripple จะถูกออกแบบขึ้นมาโดยมีความสัมพันธ์กับมูลค่าตลาดรวมของเหรียญ XRP ที่มีมากกว่า 3.5 หมื่นล้านดอลลาร์แน่นอน

อันที่จริงแล้ว XRP นั้นคือเหรียญคริปโตที่ผู้ใช้งานสามารถทำการซื้อและขายได้ และถือเป็นส่วนหนึ่งของโครงการพัฒนาผลิตภัณฑ์ของพวกเขาเท่านั้น

บทความนี้จะเป็นการอธิบายเกี่ยวกับผลิตภัณฑ์หลัก ๆ สามตัวที่ Ripple กำลังให้บริการอยู่ในปัจจุบัน ซึ่งก็คือ xCurrent, xRapid และ xVia และรวมถึงเหรียญ XRP ด้วย

xCurrent

มันเป็นแพลทฟอร์มที่ทำให้ธนาคารที่เป็นธนาคารต้นทาง, ธนาคารตัวแทนต่างประเทศ และธนาคารปลายทาง สามารถส่งข้อความหากันได้ผ่านตัวส่งข้อความที่ชื่อว่า ILP Ledger นอกจากนี้ข้อความยังสามารถอยู่ในระบบ format ของ SWIFT/ISO อีกด้วย

โดยตัว ILP Ledger ที่ว่านี้จะทำการ Hold เงินของทั้งสามธนาคารก่อนที่จะถูก cryptographic signature ทำการตรวจสอบความถูกต้อง ก่อนที่เงินจะถูกปล่อยไปยังธนาคารทั้งสามธนาคารพร้อม ๆ กัน

โดยทาง Ripple เคลมว่าการใช้ xCurrent ในการโอนเงินไปยังต่างประเทศนั้นช่วยลดระยะเวลาในการประมวลผล, มีความโปร่งใส, เพิ่มอัตราการประมวลผลมากขึ้น และลดต้นทุนในการจัดการได้ โดยรายละเอียดเพิ่มเติมสามารถดูในวีดีโอด้านล่างได้

xCurrent จะช่วยทำให้ธนาคารสามารถประมวลผลธุรกรรมกับธนาคารอื่น ๆ ได้โดยการมีตัวเชื่อมต่อที่ถือมูลค่าในหลาย ๆ สกุลเงิน แม้ว่าคนที่จ่ายต้องการจะจ่ายเป็นสกุลเงินดอลลาร์ แต่ผู้รับต้องการรับเป็นสกุลเงินยูโรก็ตาม

นาย Thomas Stefan หรือ CTO ของ Ripple กล่าวว่าผลิตภัณฑ์ดังกล่าวยังมีฟีเจอร์ระบบส่งข้อความที่ “ถูกใช้เพื่อส่งข้อมูลและติดต่อสื่อสารกันระหว่างธนาคารอีกด้วย”

แพลทฟอร์มส่งข้อมูลดังกล่าวสามารถจะทำงานแบบ real-time ได้ ดังนั้นข้อผิดพลาดใด ๆ ก็แล้วแต่อย่างเช่นชื่อผู้รับผิด จะไม่ทำให้การจ่ายเงินนั้นช้าลง นอกเหนือจากนี้มันยังสามารถใช้เพื่อติดตามจุด endpoint ได้ แต่ยังสามารถปกปิดข้อมูลส่วนตัวของลูกค้าเป็นความลับได้

นาย Thomas อธิบายว่า

“มันช่วยหยิบยื่นข้อมูลที่มีความถูกต้องแม่นยำแบบตัวเดียวสำหรับการทำธุรกรรมให้กับฝ่ายต่าง ๆ แต่ก็ยังคงไว้ซึ่งความเป็นส่วนตัวของลูกค้าในแง่ของข้อมูลด้านการจ่ายเงินได้”

ดังนั้นหากลองสังเกตดูให้ดีจะพบว่า xCurrent นั้นไม่ได้มีควมเกี่ยวข้องกับ cryptocurrency อย่าง XRP เลยแม้แต่น้อย แต่ระบบดังกล่าวก็ยังสามารถช่วยจัดการประมวลผลธุรกรรมให้ได้ทั้งสกุลเงินธรรมดาทั่วไปอย่างยูโร และดอลลาร์ และรวมถึง cryptocurrency อย่าง Bitcoin, Ether และอื่น ๆ อย่าง XRP ได้ด้วย

xRapid

อย่างไรก็ตาม เมื่อเหรียญ XRP นั้นถูกซื้อขายผ่านระบบของ xCurrent นั้น ทาง Ripple จะเรียกผลิตภัณฑ์นี้ว่า xRapid

โดยหากจะให้อธิบายอย่างง่าย ๆ นั้น xRapid คือโซลูชันด้านสภาพคล่องที่บริษัทลูกค้าสามารถแลกเปลี่ยนเหรียญ XRP กับสกุลเงินไปมาได้ผ่านโพรโตคอลการจ่ายเงิน xCurrent ที่เร็วกว่า ซึ่งนั่นหมายความว่าบริษัทเหล่านี้จะเป็นผู้สร้าง demand สำหรับเหรียญ XRP ในตลาดได้โดยตรง

หลักการทำงานคือทางธนาคารจะโอนเงินไปให้กระดานซื้อขายคริปโตที่เป็นตัวกลาง ผ่านแพลทฟอร์มของ Ripple ก่อนที่กระดานซื้อขายจะทำการเปลี่ยนเงินดังกล่าวไปเป็น XRP และทำการโอนเหรียญ XRP ผ่าน blockchain ไปยังกระดานซื้อขายปลายทางของประเทศนั้น ก่อนที่กระดานซื้อขายปลายทางจะทำการโอนเงินไปให้ยังธนาคารปลายทางเป็นสกุลเงินที่รองรับผ่านแพลทฟอร์มของ Ripple เข้าบัญชีธนาคารของผู้รับโอนอีกทีหนึ่ง ซึ่งขั้นตอนทั้งหมดเกิดขึ้นภายในระยะเวลาเพียงแค่ไม่กี่วินาที โดยคุณสามารถดูวีดีโอการทำงานของมันได้ที่ด้านล่างนี้

 

นาย Thomas กล่าวว่า

“ในขณะที่ asset แบบดิจิตอลตัวอื่น ๆ อาจจะนำมาใช้กับระบบได้ แต่ XRP นั้นเร็วกว่าและถูกกว่า โดยค่าธรรมเนียมนั้นอยู่ที่เศษของดอลลาร์ และใช้เวลา 3 วินาทีต่อธุรกรรมเท่านั้น”

ปัจจุบันผู้ให้บริการด้านการโอนเงินรายใหญ่อย่าง Western Union และ Moneygram เริ่มที่จะนำเอา xRapid มาทดสอบแล้ว และคาดว่าผู้ให้บริการอื่น ๆ คงจะตามมาในเร็ว ๆ นี้

และในขณะที่มีเพียงแค่บริษัทเดียวในปัจจุบันอย่าง Cuallix ที่เริ่มนำเอา xRapid มาใช้งานอย่างจริงจังแล้วในการประมวลผลเงินจริง ทาง Ripple ได้ทวีตข้อความเมื่อเดือนมกราคมที่ผ่านมาโดยอ้างว่ามีสามใน 5 บริษัทด้านการโอนเงินระดับโลกอาจจะตามมาใช้บริการของพวกเขาเร็ว ๆ นี้

นาย Thomas ยังเชื่ออีกด้วยว่า xRapid จะมาดึงดูดให้สถาบันการเงินจากทั่วโลกเริ่มมาสนใจมันมากขึ้นในอนาคต

“สิ่งที่ทำให้มันมีค่าก็คือการใช้งานที่แท้จริง” กล่าวโดยนาย Thomas “สามารถวัดสิ่งนี้ด้วยการดูได้ว่าสภาพคล่องนั้นไหลเข้าไปในเหรียญ XRP มากขนาดไหน ดังนั้นผมคิดว่ามันเป็นจุดขายของเรา, คือระบบจะพยายามเติมสภาพคล่องเข้าไป, และพอมีสภาพคล่องมากขึ้นแล้ว, มูลค่าก็จะเพิ่มขึ้น และนั่นคือสิ่งที่เรากำลังจะทำ”

สำหรับ Ripple นั้น xRapid แสดงถึงการพัฒนากลุ่มองค์ยักษ์ใหญ่ที่เรียกว่า RippleNet มาจนถึงช่วงปลาย ๆ แล้ว โดยพวกเขาเชื่อว่า XRP นั้นจะเป็น asset ที่เป็นจุดศูนย์รวมที่จะสามารถเชื่อมต่อโพรโตคอลด้านการจ่ายเงินที่กระจัดกระจายกันอยู่ตอนนี้ให้เป็นหนึ่งเดียวได้

นาย Thomas กล่าวว่า

“ด้วยการเป็นตัวเก็บมูลค่านั้น มันเป็นบางสิ่งที่เราได้ลงทุนพัฒนามันไปและได้ผลตอบแทนมาเป็นสื่งที่เรียกว่า XRP โดยการถือเหรียญ XRP นั้น พวกเราถือเป็นกลุ่มผู้ที่เชื่อในศักยภาพระยะยาวของ XRP ว่ามันจะมีมูลค่าสูงขึ้จกว่านี้ เมื่อมีคนหันมาใช้มันมากขึ้น”

xVia

ไม่เพียงเท่านั้น ทาง Ripple ยังสนใจที่จะดึงให้ลูกค้าของพวกเขาเข้ามาใช้ผลิตภัณฑ์ xVia อีกด้วย ผลิตภัณฑ์ดังกล่าวเป็น interface สำหรับการจ่ายเงินที่ถูกออกแบบมาเพื่อให้การใช้งาน xCurrent และ xRapid มีความง่ายขึ้น

ระบบดังกล่าวคงไม่ต่างจากการที่ WhatsApp ซ่อนระบบการส่งข้อความที่มีความซับซ้อนไว้ภายใต้ user interface ที่สะอาด และใช้งานง่ายเท่าไรนัก โดย xVia จะถูกใช้เพื่อ “คลุม” ระบบความยุ่งยากซับซ้อนของผลิตภัณฑ์ของ Ripple ตัวอื่น ๆ

กระนั้น xVia จะไม่ได้ใช้เหรียญ XRP มาแต่แรกอยู่แล้ว แต่ผู้ใช้งานก็สามารถเลือกที่จะใช้ได้

หาก xCurrent สามารถช่วยติดตามการทำธุรกรรมได้ xVia ก็จะทำแบบเดียวกันได้ โดยผู้ใช้งานยังสามารถสร้างใบกำกับภาษีของธุรกรรมของพวกเขาได้อีกด้วย

แม้ว่าผลิตภัณฑ์ดังกล่าวจะยังอยู่ในช่วงสุดท้ายของการทดสอบและพัฒนา แต่บริษัทผู้ให้บริการด้านการจ่ายเงินสัญชาติบราซิลนาม Beetech และแคนาดา Zip Remit นั้นได้ออกมาประกาศแล้วว่าจะใช้ผลิตภัณฑ์ตัวนี้

กระนั้น บนเว็บบอร์ด Reddit ก็ยังมีผู้ที่มาโพสเพื่อแสดงความงุนงงเกี่ยวกับผลิตภัณฑ์ที่ว่านี้ เนื่องจากว่าความสามารถของผลิตภัณฑ์ดังกล่าวดูเหมือนว่าจะไปซ้ำกับแบบแรก

กดคลิกเพื่อแสดงความเห็น