ในช่วงไม่กี่วันที่ผ่านมา สังคมออนไลน์ระอุขึ้นอีกครั้งหลังจากกรณีที่มีผู้ใช้ TikTok รายหนึ่งออกมาแฉแม่ค้าชื่อดัง “แม่ตั๊ก กรกนก” เจ้าของร้านทอง ที่ขายทองคำผ่านไลฟ์สดบน TikTok โดยผู้ร้องเรียนหลายคนเผยว่า ทองที่ซื้อจากแม่ตั๊กไม่สามารถนำไปขายคืนที่ร้านทองทั่วไปได้ เนื่องจากไม่ใช่ทองคำแท้ตามที่อ้างในไลฟ์สด ซึ่งทำให้เกิดการตั้งคำถามถึงความโปร่งใสของการขายทองในโลกออนไลน์
รายการ โหนกระแส ล่าสุดได้เชิญผู้ร้องเรียนหลายคนมาพูดถึงประสบการณ์ในการซื้อทองปลอมจากแม่ตั๊ก หนึ่งในผู้ร้องเรียนคือคุณฝ้าย เธอเล่าว่าได้ซื้อกำไลทองคำปี่เซียะจากร้านของแม่ตั๊กในราคา 30,000 บาท โดยเข้าใจว่าทองคำมีเปอร์เซ็นต์สูงถึง 99.99% แต่เมื่อเธอได้นำทองไปขายกลับพบว่าร้านทองไม่รับซื้อ เนื่องจากทองนั้นมีน้ำหนักน้อยกว่าที่ควร และไม่มีเปอร์เซ็นต์ทองตามที่อ้างในไลฟ์สด สุดท้ายเธอต้องนำทองไปจำนำและได้เพียง 9,000 บาทเท่านั้น
ปัญหาทองคำในโลกออนไลน์และการโฆษณา
นายสมบูรณ์ ภุชงค์โสภาพันธุ์ กรรมการสมาคมค้าทองคำ กล่าวว่า ทองที่ซื้อขายในตลาดทั่วไปจะต้องมีเปอร์เซ็นต์ทองที่ชัดเจน มีการประทับตราร้านและระบุเปอร์เซ็นต์ทองอย่างชัดเจน ทองที่แม่ตั๊กขายนั้นเป็นทองที่ขึ้นรูปด้วยเทคโนโลยีอิเล็กโตรฟอร์มมิง ซึ่งมีส่วนผสมของโลหะต่าง ๆ ที่ไม่ใช่ทองคำบริสุทธิ์ ทำให้ร้านทองทั่วไปไม่กล้ารับซื้อ เพราะไม่มีเครื่องมือตรวจสอบคุณภาพของทองดังกล่าว
แม้ว่าทางแม่ตั๊กจะออกมายืนยันว่าตนไม่ได้ขายทองปลอม และพร้อมที่จะรับซื้อคืนทั้งหมดในราคาที่ขายไป แต่ยังคงมีลูกค้าหลายคนที่ไม่พอใจ และต้องการดำเนินคดีทางกฎหมายกับแม่ตั๊ก
Bitcoin จะเข้ามาช่วยแก้ปัญหานี้ได้อย่างไร?
ในขณะที่เรื่องดราม่าทองปลอมกำลังระอุ สกุลเงินดิจิทัลอย่าง Bitcoin กลายเป็นที่พูดถึงในวงกว้างว่าอาจเข้ามาแก้ไขปัญหานี้ได้หรือไม่ โดยเฉพาะในเรื่องของการซื้อขายสินทรัพย์ที่ต้องมีความโปร่งใส
Bitcoin และสกุลเงินดิจิทัลอื่น ๆ ที่มีการบันทึกธุรกรรมผ่านบล็อกเชนสามารถช่วยลดปัญหาการโกง หรือการโฆษณาหลอกลวงได้ เนื่องจากบล็อกเชนสามารถตรวจสอบข้อมูลย้อนหลังได้ทุกขั้นตอน และการทำธุรกรรมทั้งหมดถูกบันทึกอย่างถาวร ทำให้ไม่สามารถปลอมแปลงหรือแก้ไขข้อมูลได้ นอกจากนี้ ยังช่วยเพิ่มความเชื่อถือในการซื้อขายสินทรัพย์ดิจิทัล
หากมีการนำบล็อกเชนเข้ามาใช้ในระบบการซื้อขายทองคำในอนาคต ผู้ซื้อจะสามารถตรวจสอบเปอร์เซ็นต์ทองและข้อมูลเกี่ยวกับทองคำที่ซื้อได้ทันทีผ่านระบบดิจิทัล โดยไม่ต้องพึ่งพาการประทับตราแบบดั้งเดิมที่อาจปลอมแปลงได้ การนำเทคโนโลยีบล็อกเชนมาใช้ยังสามารถสร้างความเชื่อมั่นในวงการค้าทองคำและสินค้าอื่น ๆ ที่มีมูลค่าสูงได้อย่างมาก
ในยุคที่ทองคำเคยถูกมองว่าเป็นสินทรัพย์ปลอดภัยและมีค่า แต่เมื่อเกิดกรณีดราม่าทองปลอมของแม่ค้าชื่อดังขึ้นมา ผู้คนเริ่มตั้งคำถามถึงความน่าเชื่อถือของการซื้อขายสินทรัพย์ที่มีมูลค่าสูงผ่านช่องทางออนไลน์ การนำเทคโนโลยีใหม่ ๆ อย่าง Bitcoin และบล็อกเชนเข้ามามีบทบาทในการแก้ปัญหาดังกล่าวอาจเป็นอีกหนึ่งทางออกที่น่าสนใจ ซึ่งไม่เพียงแต่จะช่วยเพิ่มความโปร่งใสในการทำธุรกรรม แต่ยังสามารถตรวจสอบความถูกต้องของสินทรัพย์ได้อย่างแม่นยำอีกด้วย
Bitcoin Full Node: ตัวช่วยตรวจสอบ Bitcoin ปลอม
นอกจากนี้แล้ว ข้อได้เปรียบที่สำคัญของ Bitcoin ยังเป็นเรื่องของความสามารถในการตรวจสอบความถูกต้องของธุรกรรมผ่าน Bitcoin Full Node ซึ่งสามารถทำหน้าที่เป็นเหมือน “ตัวตรวจสอบ Bitcoin ปลอม” ได้ ผู้ที่ถือครอง Bitcoin สามารถตรวจสอบความบริสุทธิ์และความเป็นเจ้าของของ Bitcoin ได้ด้วยตนเองโดยไม่ต้องพึ่งพาผู้เชี่ยวชาญหรือเครื่องมือพิเศษ ในขณะที่ผู้ที่ถือครองทองคำยังคงต้องพึ่งพาความเชี่ยวชาญจากร้านทองหรือเครื่องมือตรวจสอบ
โดยในปี 2019 ฟรานซิส พูลิออท (Francis Pouliot) ผู้ก่อตั้งแพลตฟอร์ม Bull Bitcoin ในแคนาดา ได้กล่าวผ่านทาง Twitter เอาไว้ว่า “Bitcoin สามารถแก้ปัญหานี้ได้” โดยชี้ให้เห็นว่าเจ้าของ Bitcoin สามารถตรวจสอบความถูกต้องของสินทรัพย์ได้ทันทีด้วยการใช้เครื่องมืออย่าง Raspberry Pi ซึ่งแตกต่างจากการถือทองคำที่ต้องพึ่งพาการตรวจสอบความบริสุทธิ์และน้ำหนักก่อนการซื้อขาย
เช่นเดียวกับบัญชีทวิตเตอร์ Bitcoin Wizard ที่ได้แสดงความคิดเห็นเพิ่มเติมว่า “คุณจะรับทองคำจากคนที่คุณไม่ไว้ใจโดยไม่ตรวจสอบน้ำหนักและความบริสุทธิ์ก่อนหรือไม่?” พร้อมเสริมว่า Bitcoin Full Node ทำหน้าที่เหมือนกับเครื่องตรวจจับปลอมที่ช่วยให้ผู้ถือครองสามารถตรวจสอบความบริสุทธิ์ของ Bitcoin ได้อย่างง่ายดาย
สุดท้ายนี้การนำ Bitcoin หรือสกุลเงินดิจิทัลเข้ามาใช้ในการแก้ปัญหาทองปลอมสำหรับปัญหาดังกล่าวอาจยังไม่ใช่ทางออกที่ชัดเจน เนื่องจากปัญหาหลักอยู่ที่การโฆษณาที่ไม่โปร่งใส และการให้ข้อมูลที่ไม่ครบถ้วน แต่เทคโนโลยีบล็อกเชนและสกุลเงินดิจิทัลยังคงเป็นอีกหนึ่งทางเลือกที่น่าสนใจในการเพิ่มความโปร่งใสในธุรกรรมต่าง ๆ ในอนาคต