<?php wp_title('|', true, 'right'); ?>

โจรเกาหลีร้อยเล่ห์ อ้างตัวเป็น ก.ล.ต. ตุ๋นเงินเหยื่อไปกว่า 738 ล้านบาท

ติดตามสยามบล็อกเชนบนSiam Blockchain

ดูเหมือนว่ากลอุบายจองมิจฉาชีพในการขโมยคริปโตของเรานั้นจะยิ่งก้าวหน้าขึ้นไปอีกขั้น หลังอัยการประเทศเกาหลีใต้ ได้ทำการฟ้องร้องกลุ่มผู้ต้องสงสัยที่ถูกกล่าวหาว่าทำการหลอกลวงขโมยคริปโตโดยอ้างตนเองว่าเป็นหน่วยงานกำกับดูแล ซึ่งมีมูลค่าความเสียหายกว่า $22.7 ล้าน (738 ล้านบาท)

กลุ่มของมิจฉาชีพเหล่านี้ประกอบไปด้วยชาย 4 คนที่มีอายุประมาณ 40 ปี โดยพวกเขาได้ทำการต้มตุ๋นผู้ใช้งานแพลตฟอร์มเว็บเทรดให้จ่ายเงินแก่พวกเขา 5,000 USDT

อัยการระบุว่าชายกลุ่มนี้ได้ทำการเปิดเว็บเทรดปลอม ๆ ขึ้นมาในชื่อของ BISSNEX แลพ BDCDP ซึ่งอวดอ้างว่าเป็นแพลตฟอร์มเทรดหุ้นและคริปโตชั้นยอด จากนั้นก็สรรหากลยุทธ์ต่าง ๆ นา ๆ มาหลอกลวงเหยื่อให้เข้ามาใช้งานเว็บเทรดปลอมนี้ โดยใช้วิธีจากการสร้างช่องยูทูป หรือห้องแชท 

เมื่อเหยื่อได้ทำการเข้ามายังแพลตฟอร์มแล้วพวกเขาก็จะเริ่มดำเนินการขั้นถัดไป โดยการส่งจดหมายให้กับนักลงทุน โดยจดหมายดังกล่าวได้ถูกระบุว่าได้รับการรับรองโดยหน่วยงาน FSS หรือ ก.ล.ต. ของเกาหลีใต้ พร้อมตราประทับอย่างเป็นทางการ นอกเหนือจากนี้ในจดหมายดังกล่าวยังมีตราของ สำนักงานตำรวจแห่งชาติเกาหลีใต้อีกด้วย

เนื้อความในจดหมายระบุว่าทาง FSS และตำรวจกำลังสอบสวนในเรื่องของการฉ้อโกงคริปโตที่มีความเกี่ยวข้องกับเว็บเทรด BISSNEX โดยทางแพลตฟอร์มได้ทำการสวมบทเป็นเหยื่อที่ไปแจ้งตำรวจและชี้แจงว่าผู้ใช้งานได้ทำธุรกรรมแบบผิดกฏหมาย ทำการ Scam ตัวของแพลตฟอร์มเทรด ดังนั้นถ้าไม่อยากถูกดำเนินคดี ก็ให้ทำการโอนเงินเข้ามา 5,000 USDT เพื่อแสดงความบริสุทธิ์ใจเป็นค่าธรรมเนียมการสืบสวน จากนั้นผู้ใช้ถึงจะสามารถทำการถอนเงินดังกล่าวออกไปได้เมื่อการตรวจสอบเสร็จสิ้น

อย่างไรก็ตาม คดีดังกล่าวนั้นยังไม่จบสิ้นซึ่งทางตำรวจคาดว่าน่าจะมีผู้เสียหายมากกว่านี้ โดยกล่าวว่าในระยะหลังเหล่ามิจฉาชีพเริ่มจะมีการหลอกลวงที่เล่นใหญ่มากขึ้น ไม่ว่าจะเป็นการเปิดเว็บเทรดปลอม หรือ อ้างตัวเป็นเจ้าหน้าที่ โดยวิธีที่จะใช้หลอกเงินส่วนใหญ่มักจะเป็นการระงับบัญชีและให้โอนเงินเพื่อปลดแบน หรือเรียกเก็บค่าธรรมเนียมการสืบสวน 

ซึ่งในปัจจุบันยังมีมิจฉาชีพกลุ่มอื่น ๆ ยังลอยนวลอยู่ และพวกเขาก็ได้พยายามปั้นแบรนด์ขึ้นมา เช่นการถ่ายภาพกับเงินก้อนโต เพื่อล่อลวงให้นักเทรดที่โลภมากเข้ามาลงทุน 

ที่มา : cryptonews