สถานการณ์ล่าสุดในวงการคริปโทเคอร์เรนซีของไทยได้เกิดประเด็นร้อนขึ้นอีกครั้ง หลังจากที่ นายเอกภพ เหลืองประเสริฐ ผู้ก่อตั้งเพจ สายไหมต้องรอด พาพยานสำคัญที่เขาอ้างว่าเป็นคนใกล้ชิดกับ บอสพอล ผู้บริหารของบริษัท ดิไอคอน เข้าพบกับเจ้าหน้าที่ตำรวจสอบสวนกลาง (CIB) เพื่อให้ข้อมูลเกี่ยวกับการโอนเงินที่เกี่ยวข้องกับเหรียญดิจิทัล USDT
พยานคนดังกล่าวอ้างว่า ตนเองมีความรู้เกี่ยวกับด้านการเงินของบริษัทดิไอคอนเป็นอย่างดี และได้ให้ข้อมูลเพิ่มเติมว่ามีการโอนยักย้ายถ่ายเทเงินผ่าน USDT จนสุดท้ายแปลงเป็น Ethereum และทำการหอบเงินหนีไปแล้ว ส่งผลให้ประเด็นนี้กลายเป็นที่สนใจของสาธารณชนในวงกว้าง
ในประเด็นดังกล่าว พล.ต.ต.จรูญเกียรติ ปานแก้ว หรือ “บิ๊กเต่า” รองผู้บัญชาการตำรวจสอบสวนกลาง ได้ออกมายืนยันว่าเรื่องราวดังกล่าวเป็นเรื่องที่อุปโลกน์ขึ้นมาเอง และพยานที่นายเอกภพนำมาให้ข้อมูลนั้นไม่เป็นความจริง โดยระบุว่าผู้ให้ข้อมูลมีเจตนาเพียงต้องการสร้างกระแสในประเด็นคดีนี้เพื่อได้รับความสนใจจากสื่อมวลชน
แม้แต่ ผู้บัญชาการตํารวจแห่งชาติ (ผบตร.) ยังออกมาเตือน นาย เอกภพ และผู้ให้ข้อมูลปม USDT 8 พันล้านว่า
“อยากให้ตรวจสอบข้อเท็จจริงก่อนว่า จริงเท็จแค่ไหน ก่อนจะนำมาเผยแพร่สู่สาธรณะ เพราะจะทำให้ประชาชนไขว้เขวและทำให้ประชาชนคิดได้ว่า ‘เป็นอย่างนั้นเชียวหรือ ทำไมตำรวจปล่อยให้เกิดเหตุการณ์เช่นนี้?’ ใครที่พูดแล้วไม่ใช่ข้อเท็จจริง แล้วเอาข้อมูลอันเป็นเท็จออกเผยแพร่ต่อพี่น้องประชาชน เพื่อต้องการเวทีของสื่อสาธรณะ ท่านต้องรับผิดชอบในข้อมูลอันเป็นเท็จที่ท่านได้เผยแพร่”
อย่างไรก็ตาม นายก อุ๊งอิ๊ง ก็ได้กำชับให้ ผบตร. ติดตามประเด็นที่เกี่ยวกับบริษัท The iCon อย่างใกล้ชิด เนื่องจากถือว่าเป็นเรื่องใหญ่ที่ได้รับความสนใจจากประชาชนอย่างมาก และหากมีความคืบหน้าหรือข้อมูลเพิ่มเติมต้องแจ้งให้ประชาชนทราบโดยเร็ว พร้อมกับเน้นย้ำว่า หากพบเจ้าหน้าที่ของรัฐบาลที่มีส่วนเกี่ยวข้องกับกรณีนี้ ต้องดำเนินการตามกฎหมายอย่างเคร่งครัด