<?php wp_title('|', true, 'right'); ?>

Michael Saylor ค้านหนัก! การแสดงหลักฐานถือครองคริปโทฯ บนบล็อกเชน “ไม่ใช่ไอเดียที่ดี”

ติดตามสยามบล็อกเชนบนSiam Blockchain

Michael Saylor ประธานบริหารของบริษัท Strategy  ซึ่งเป็นหนึ่งในบริษัทที่ถือครอง Bitcoin มากที่สุดในโลก ได้ออกโรงเตือนว่า การที่สถาบันต่าง ๆ แสดงหลักฐานการถือครองคริปโต (Proof-of-Reserves) บนบล็อกเชน อาจเป็น “ไอเดียแย่” ที่เสี่ยงต่อความปลอดภัย

Saylor ระบุว่า “วิธีการแสดง Proof-of-Reserves ในปัจจุบันที่ใช้กันอยู่นั้น ไม่ปลอดภัย” โดยกล่าวในระหว่างถูกถามความคิดเห็นเกี่ยวกับมาตรการความโปร่งใสดังกล่าว ในงานข้างเคียงของการประชุม Bitcoin 2025 ที่จัดขึ้น ณ เมืองลาสเวกัส เมื่อวันที่ 26 พฤษภาคม

“มันยิ่งทำให้ความปลอดภัยของผู้ออกสินทรัพย์ ผู้ดูแลสินทรัพย์ กระดานเทรด และนักลงทุน อ่อนแอลง ไม่ใช่ไอเดียที่ดีเลย แต่เป็นไอเดียที่แย่มาก” เขากล่าวเสริม

อย่างไรก็ตาม เมื่อ Mitchell Askew หัวหน้านักวิเคราะห์ของ Blockware Solutions ถามว่า Strategy มีแผนจะเปิดเผย Proof-of-Reserves หรือไม่  Saylor กลับไม่ได้ให้คำตอบใด ๆ เกี่ยวกับเรื่องนี้

สำหรับProof-of-reserves นั้นเป็นแนวทางที่แพร่หลายในหมู่เว็บเทรดคริปโต ซึ่งใช้เพื่อยืนยันว่า บริษัทมีเงินสำรองคริปโตเพียงพอสำหรับรองรับเงินฝากของลูกค้า นอกจากนี้ ยังสามารถใช้ยืนยันได้ว่าองค์กรอื่น ๆ เช่น กองทุน ETF ที่อิงกับราคาคริปโต มีสินทรัพย์ดิจิทัลในปริมาณที่เพียงพอตามที่ควรจะมีจริง

Saylor ทราบดีถึงความจำเป็นในการตรวจสอบเพราะวงการคริปโตต่างชอกช้ำมาอย่างหนักจากเหตุการณ์ FTX และ Mt.Gox แต่เขามองว่าวิธีการพิสูจน์ความโปร่งใส่ด้วย proof-of-reserves นั้นไม่เหมาะสมสำหรับสถาบัน จะเห็นได้ชัดว่าไม่มีบริษัทใดคิดว่าการเปิดเผยที่อยู่กระเป๋าเงินของลูกค้าสู่สาธารณะที่ถูกติดตามตัวได้จะเป็นวิธีการที่ถูกต้อง และถ้าไม่เชื่อก็ให้ไปถาม AI ได้เลย ซึ่งเขารับรองว่ามันจะไล่ลิสต์ประเด็นปัญหาได้มามากกว่า 50 หน้ากระดาษ

Saylor ได้ชี้ด้วยว่า proof-of-reserves มักจะแสดงข้อมูลเพียงด้านเดียว ยกตัวอย่างเช่นจำนวนที่บริษัทถือครอง แต่ไม่ได้ระบุว่าบริษัทเป็นเจ้าของจริง ๆ เท่าใด

ปัจจุบัน Strategy ถือเป็นบริษัทที่มีการสะสม Bitcoin มากที่สุดในโลก ด้วยจำนวน 576,230 BTC คิดเป็นมูลค่าประมาณ $6.2 หมื่นล้าน ซึ่งการที่ตัวของ Saylor ออกมาแสดงความคิดเห็นต่อเรื่องการโชว์ Proof-of-Reserves จึงกลายเป็นประเด็นร้อนที่ถูกพูดถึงอย่างกว้างขวางบนโลกโซเซียล ทั้งจากกลุ่มที่เห็นด้วยและกลุ่มที่ตั้งคำถามถึงความโปร่งใสของ Strategy 

ที่มา : Cointelegraph