Ethereum Foundation องค์กรซึ่งทำหน้าที่สนับสนุน และพัฒนาเครือข่าย Ethereum Foundation ล่าสุดได้ประกาศปรับโครงสร้างองค์กรครั้งใหญ่ พร้อมปลดสมาชิกบางส่วนในทีมวิจัยและพัฒนา (R&D) เพื่อจัดการกับปัญหาความล่าช้าในการพัฒนาศักยภาพของระบบ
รีแบรนด์ทีม “PR&D” พร้อมตั้งหัวเรือคนใหม่
ในบล็อกโพสต์ที่เผยแพร่เมื่อวันจันทร์ที่ผ่านมา Ethereum Foundation ได้ประกาศรีแบรนด์ทีม Protocol Research and Development (PR&D) ภายใต้ชื่อใหม่ว่า “Protocol” ซึ่งจะทำหน้าที่เป็นศูนย์กลางในการพัฒนาโปรโตคอลหลักของ Ethereum โดยมุ่งเน้นในสามทิศทางหลัก ได้แก่ การขยายขีดความสามารถของ Ethereum Layer 1, การเพิ่มพื้นที่ blob space เพื่อรองรับข้อมูลมากขึ้น และการพัฒนา UX ให้ใช้งานง่ายและเข้าถึงได้มากขึ้น
หนึ่งในประเด็นที่ถูกจับตามากที่สุดคือ การที่มูลนิธิยืนยันว่า “บางสมาชิกในทีม PR&D จะไม่ได้ไปต่อกับ Ethereum Foundation” โดยไม่ได้ระบุชื่อ แต่ได้เน้นย้ำว่าหวังให้บุคคลเหล่านั้นยังคงทำงานในระบบนิเวศ Ethereum และเปิดโอกาสให้ทีมอื่น ๆ ในชุมชนสามารถเข้ามารับพวกเขาเข้าร่วมงานได้
เพื่อให้การปรับโครงสร้างครั้งนี้มีประสิทธิภาพยิ่งขึ้น Ethereum Foundation ได้แต่งตั้งผู้นำทีมใหม่ในแต่ละด้าน ได้แก่ Tim Beiko และ Ansgar Dietrichs จะดูแลการขยาย Layer 1, Alex Stokes และ Francesco D’Amato จะรับผิดชอบด้าน Layer 2 scaling ส่วน Barnabé Monnot และ Josh Rudolf จะมุ่งเน้นเรื่องการปรับปรุง UX ขณะเดียวกัน Dankrad Feist จะเข้ามารับบทบาทเป็นที่ปรึกษายุทธศาสตร์ครอบคลุมทุกด้าน
การเปลี่ยนแปลงครั้งนี้เกิดขึ้นท่ามกลางเสียงวิจารณ์จากชุมชน Ethereum ที่กังวลต่อปัญหาทางเทคนิคเรื้อรัง โดยเฉพาะความล่าช้าในการอัปเกรด และการขาดความชัดเจนในการสื่อสาร ภายหลังจากที่มีการแต่งตั้งผู้อำนวยการร่วมคนใหม่สองคน คือ Hsiao-Wei Weng และ Tomasz K. Stańczak เมื่อเดือนมีนาคมที่ผ่านมา เพื่อปรับสมดุลระหว่างการบริหารจัดการและการพัฒนาเชิงเทคนิค
Weng ให้ความเห็นในโพสต์บน X ว่า “การปรับโครงสร้างใหม่จะทำให้ทีมสามารถโฟกัสกับภารกิจสำคัญได้ชัดเจนขึ้น และขับเคลื่อนโครงการที่จำเป็นได้อย่างมีประสิทธิภาพ” ซึ่งสอดคล้องกับความต้องการของชุมชนที่เรียกร้องให้ Ethereum Foundation มีการเปลี่ยนแปลงอย่างจริงจัง
ท้ายที่สุด Ethereum Foundation ย้ำว่า การปรับโครงสร้างนี้ไม่ได้มีเป้าหมายเพื่อแทนที่ผู้พัฒนาจากภายนอก แต่เพื่อเสริมพลังการทำงานร่วมกัน โดยเปิดตัว governance forum ใหม่ และปรับปรุงช่องทาง feedback ให้สะท้อนเสียงของชุมชนได้ดียิ่งขึ้น นับเป็นก้าวสำคัญที่อาจนิยามอนาคตของ Ethereum ในยุคที่การแข่งขันในโลกคริปโตทวีความเข้มข้นขึ้นทุกวัน
ที่มา : CryptoPotato

