ราคา Bitcoin ยังคงแกว่งตัวอยู่ในกรอบแคบระหว่าง $108,000 ถึง $110,000 ในช่วง 24 ชั่วโมงที่ผ่านมา โดยนักลงทุนยังจับตาปัจจัยเศรษฐกิจสำคัญจากฝั่งสหรัฐฯ อย่างใกล้ชิด โดยเฉพาะข้อมูลเงินเฟ้อที่ดูเหมือนว่าจะยังคงอยู่ในระดับที่ธนาคารกลางสหรัฐ (Fed) สามารถยอมรับได้ ส่งผลให้ตลาดยังไม่แสดงความผันผวนมากนักในระยะสั้น
อ้างอิงข้อมูลจากกราฟ BTC/USD บน Coinmarketcap จะเห็นได้ว่า ในขณะที่รายงาน ราคาบิทคอยน์ (BTC) มีการเคลื่อนไหวอยู่ที่ระดับ 108,492 ดอลลาร์สหรัฐฯ ลดลงประมาณ 1% ในช่วง 24 ชั่วโมงที่ผ่านมา โดยมีระดับราคาสูงสุดระหว่างวันที่ $110,277 และจุุดต่ำสุดที่ $108,179

สาเหตุที่สร้างแรงกดดันต่อตลาดคริปโทฯ รวมถึงบิทคอยน์ในวันนี้ ส่วนหนึ่งคาดการณ์ว่ามาจากการรายงานดัชนี CPI ล่าสุดของสหรัฐฯ ที่แม้จะบ่งชี้ว่าเงินเฟ้อทั่วไปยังไม่เร่งตัวขึ้นแต่อย่างใด แต่ตัวเลขที่ออกมาก็ยังไม่ต่ำพอที่จะจุดความหวังของตลาดในเรื่อง “การปรับลดดอกเบี้ย” ได้ชัดเจน ส่งผลให้นักลงทุนบางส่วนเลือกที่จะขายทำกำไรชั่วคราว หลังจาก Bitcoin ปรับตัวขึ้นมาแตะระดับ $110,000 ในช่วงก่อนหน้านี้
อีกหนึ่งปัจจัยที่กดดันราคาคือ การขาดแรงซื้อใหม่ จากฝั่งสถาบันและนักลงทุนรายใหญ่ ขณะที่ปริมาณการซื้อขายยังคงอยู่ในระดับปานกลางจนถึงต่ำ บ่งชี้ถึงภาวะลังเลของตลาดในช่วงก่อนการประชุม FOMC ที่กำลังจะมาถึงในวันที่ 18 มิ.ย.
อย่างไรก็ตาม นักลงทุนยังคงต้องจับตาทิศทางนโยบายการเงินของธนาคารกลางสหรัฐฯ อย่างใกล้ชิด โดยปัจจุบัน Bitcoin มีแนวรับสำคัญที่ 108,000 ดอลลาร์ และแนวต้านที่ 110,000 ดอลลาร์ ซึ่งหากมีสัญญาณบวกเพิ่มเติมจาก Fed อาจช่วยหนุนให้ราคาบิทคอยน์ปรับตัวสูงขึ้นในระยะถัดไป
ที่มา : Bloomberg

