<?php wp_title('|', true, 'right'); ?>

SEC สหรัฐฯ เปิดแนวทางคุ้มครองคริปโต ETF จุดเปลี่ยนตลาดโลก ขณะ 2 บริษัทไทยถือ BTC ติด Top 100 โลก

ติดตามสยามบล็อกเชนบนSiam Blockchain

การเคลื่อนไหวล่าสุดจากคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ของสหรัฐฯ (SEC) ได้สร้างแรงสั่นสะเทือนไปทั้งแวดวงคริปโตโลก เมื่อมีการประกาศแนวทางใหม่สำหรับการเปิดเผยข้อมูลของกองทุน ETFs ที่เกี่ยวข้องกับคริปโตเคอร์เรนซี ซึ่งถือเป็นจุดเริ่มต้นของการวางกรอบกำกับอย่างเป็นระบบสำหรับผลิตภัณฑ์การเงินกลุ่มนี้ นักวิเคราะห์จำนวนมากมองว่านี่ไม่ใช่เพียงการเปลี่ยนแปลงด้านนโยบายของสหรัฐฯ เท่านั้น แต่ยังเป็นโอกาสระดับโลกที่กำลังเปิดขึ้น ซึ่งรวมถึงประเทศไทยที่กำลังเริ่มขยับตัวอย่างจริงจังในวงการสินทรัพย์ดิจิทัลเช่นกัน

การที่ SEC แสดงท่าทีชัดเจนมากขึ้นในการกำกับกองทุน ETF ที่เกี่ยวข้องกับคริปโต ช่วยสร้างความมั่นใจให้กับนักลงทุนทั่วโลก รวมถึงนักลงทุนไทยที่เริ่มกลับมาให้ความสนใจกับตลาดนี้อีกครั้ง โดยเฉพาะเหรียญที่มีศักยภาพในการเข้าสู่ตลาดทุนกระแสหลัก ซึ่งมีแนวโน้มว่าจะได้รับการยอมรับเร็วขึ้น นักลงทุนไทยจำนวนไม่น้อยจึงเริ่มเตรียมพอร์ตการลงทุนด้วย เหรียญคริปโตที่น่าลงทุน 2025 ที่มีโอกาสเติบโตในสภาพแวดล้อมที่เปลี่ยนแปลงอย่างรวดเร็วนี้

เมื่อประเทศผู้นำด้านการเงินอย่างสหรัฐฯ เริ่มวางโครงสร้างทางกฎหมายที่ชัดเจน ย่อมส่งผลให้เม็ดเงินลงทุนจากสถาบันและนักลงทุนรายใหญ่ทั่วโลกไหลเข้าสู่ตลาดคริปโตมากยิ่งขึ้น และจะมีผลโดยตรงต่อราคาของเหรียญหลักหลายตัว ไม่ว่าจะเป็น Solana, XRP หรือเหรียญอื่น ๆ ที่อยู่ในแผนการจดทะเบียน ETF การที่ SEC เตรียมปรับระบบอนุมัติให้เร็วขึ้นจาก 240 วัน เหลือเพียง 75 วัน ก็ยิ่งตอกย้ำว่าตลาดกำลังจะเปลี่ยนผ่านเข้าสู่ช่วงที่ “เร็ว และแรง” กว่าที่เคยเป็นมา

ขณะเดียวกัน ในประเทศไทยเองก็เริ่มมีการปรับตัวในระดับองค์กรอย่างน่าสนใจโดย 2 บริษัทไทยที่สามารถพา Bitcoin ขึ้นติดอันดับ Top 100 ได้แก่ บริษัทหลักทรัพย์สินทรัพย์ดิจิทัลบิทาซซ่า และบริษัทหลักทรัพย์จัดการกองทุนของธนาคารใหญ่ที่ได้หันมาถือครอง BTC ในรูปแบบกองทุนที่ถูกกฎหมายและโปร่งใส การเคลื่อนไหวเชิงรุกขององค์กรเหล่านี้เป็นสัญญาณชัดเจนว่า คริปโตไม่ได้เป็นแค่สินทรัพย์ของกลุ่มคนสายเสี่ยงอีกต่อไป แต่กำลังกลายเป็น “ทางเลือกลงทุน” ที่สถาบันการเงินระดับประเทศให้ความสำคัญในฐานะเครื่องมือกระจายความเสี่ยงที่มีประสิทธิภาพ

แม้ในปัจจุบันประเทศไทยยังไม่มีการออก ETF คริปโตอย่างเป็นทางการเหมือนในสหรัฐฯ แต่ทิศทางจาก SEC กลายเป็นไกด์ไลน์สำคัญที่ทั่วโลกต้องจับตา เมื่อกฎเกณฑ์เริ่มมีความชัดเจนมากขึ้น ความเสี่ยงก็จะลดลง นักลงทุนรายย่อยจึงไม่จำเป็นต้องหวังพึ่งเหรียญกระแสหรือเหรียญที่ไร้พื้นฐานอีกต่อไป แต่สามารถมองหาสินทรัพย์ดิจิทัลที่มีโครงสร้างกฎหมายรองรับ เชื่อมโยงกับตลาดการเงินจริง และมีศักยภาพที่จะถูกผลักดันเข้าสู่ระบบกองทุนที่โปร่งใสได้ในอนาคต

สำหรับนักลงทุนไทย การเริ่มศึกษาเรื่อง staking การถือครองแบบยาว (HODL) และการเลือกใช้แพลตฟอร์มหรือกองทุนระดับโลกในการเข้าถึงตลาดคริปโต อาจกลายเป็นความได้เปรียบในช่วงเปลี่ยนผ่านของตลาดปี 2025 เพราะเมื่อโลกกำลังก้าวเข้าสู่ยุคที่เหรียญดิจิทัลไม่ใช่แค่ “ทรัพย์เสี่ยง” อีกต่อไป แต่กำลังได้รับการยอมรับในฐานะ “สินทรัพย์จริง” ที่จะกลายเป็นส่วนหนึ่งของโครงสร้างการเงินระดับสากลอย่างเต็มตัว