อีลอน มัสก์มหาเศรษฐีอันดับหนึ่งของโลก และเป็นหัวเรือใหญ่ของบริษัทโซเซียลอย่าง X และ Tesla มักถูกจับตาว่ามีความเกี่ยวข้องกับโปรเจกต์คริปโตเคอร์เรนซีอย่าง Dogecoin อยู่เสมอ เนื่องจากเจ้าตัวมีความชื่นชอบในมีมเหรียญนี้เป็นพิเศษ ถึงขั้นเคยนำ Dogecoin ไปใช้เป็นสัญลักษณ์ประกอบแนวคิดและโครงการต่าง ๆ ของตนเอง
แต่ล่าสุดเรื่องราวที่เชื่อมโยง Dogecoin กับ มัสก์ดูจะยิ่งเข้มข้นขึ้นไปอีก เมื่ออดีตทนายความคนสนิทของเขาอย่าง Alex Spiro ที่เตรียมเข้ามามีบทบาทสำคัญในการจัดตั้ง Dogecoin Treasury มูลค่าสูงถึง 200 ล้านดอลลาร์
สไปโรไม่ใช่ใครคนอื่น เขาคือหุ้นส่วนของสำนักงานกฎหมายชั้นนำอย่าง Quinn Emanuel Urquhart & Sullivan และเป็นนักกฎหมายที่มีชื่อเสียงโด่งดังในการต่อสู้คดีความระดับสูง ตั้งแต่การช่วยเหลืออีลอน มัสก์ในคดีการซื้อทวิตเตอร์ ไปจนถึงคดีหมิ่นประมาทจากทวีต “pedo guy” ในปี 2019 นอกจากนี้ เขายังเป็นตัวแทนของดาราและนักกีฬาระดับโลก ไม่ว่าจะเป็น Jay-Z, อเล็ก บอลด์วิน, โรเบิร์ต คราฟท์ และนาโอมิ โอซากะ
การเคลื่อนไหวครั้งนี้เริ่มต้นจากการที่ CleanCore Solutions ซึ่งเป็นบริษัทจดทะเบียนใน NYSE American เตรียมดำเนินการระดมทุนส่วนตัวจำนวน 175,000,420 ดอลลาร์ โดยออกใบสำคัญแสดงสิทธิในราคาหุ้นละ 1 ดอลลาร์ เพื่อนำเงินที่ได้ไปซื้อ Dogecoin เป็นสินทรัพย์สำรองหลักของบริษัท การเสนอขายครั้งนี้ได้รับการสนับสนุนจากนักลงทุนสถาบันและผู้เชี่ยวชาญด้านคริปโตกว่า 80 ราย รวมถึง Pantera, GSR และ FalconX
สิ่งที่ทำให้โครงการนี้แตกต่างคือการมีพันธมิตรที่แข็งแกร่ง 21Shares บริษัทจากสวิตเซอร์แลนด์ที่บริหารเงินทุนกว่า 1.2 หมื่นล้านดอลลาร์ และมีประสบการณ์ด้านคริปโต ETF ซึ่งจะทำหน้าที่เป็นที่ปรึกษาด้านการจัดสรรเงินลงทุนอย่างยุทธศาสตร์ สร้างผลตอบแทน และการกำกับดูแลกองทุน Dogecoin
การแต่งตั้งสไปโรในตำแหน่งประธานคณะกรรมการส่งสัญญาณที่ชัดเจนว่า ชุมชน Dogecoin กำลังเคลื่อนไปสู่ความเป็นมืออาชีพและเป็นสถาบัน ความน่าเชื่อถือของเขาในฐานะนักกฎหมายที่เคยต่อสู้เพื่อปกป้องมัสก์ในคดีกล่าวหาการจัดการตลาด Dogecoin เมื่อปี 2022 ซึ่งสุดท้ายคดีนี้ถูกยกฟ้องในช่วงปลายปี 2024 แสดงให้เห็นถึงความรู้ความเข้าใจของเขาเกี่ยวกับข้อกำหนดด้านกฎระเบียบของสกุลเงินดิจิทัล
ทนายความคนเดียวจะส่งผลกระทบได้อย่างไร ?
บทบาทใหม่ของสไปโรไม่ใช่เพียงแค่การเป็นนักกฎหมาย แต่เขากำลังช่วยปูทางใหม่ให้กับ Dogecoin เพื่อเข้าสู่โลกการเงินหลักกระแส กองทุนนี้จะถูกควบคุมภายใต้การกำกับดูแลของ SEC และต้องรายงานผลตามมาตรฐานบริษัทมหาชนทั่วไป ซึ่งแตกต่างจากการเก็บสกุลเงินคริปโตในกระเป๋าดิจิทัลทั่วไป
เป้าหมายขั้นสุดท้ายคือการสร้าง “ตัวแทนหุ้น” สำหรับ Dogecoin คล้ายกับที่ Strategy ทำกับบิตคอยน์ การเคลื่อนไหวนี้อาจเปิดทางให้ Dogecoin เข้าสู่ตลาดฟิวเจอร์สหรือ ETF ในอนาคต ในยุคที่บิตคอยน์ อีเธอร์เรียม และแม้กระทั่ง XRP กำลังแข่งขันกันเพื่อขอรับการอนุมัติ ETF และกฎระเบียบที่ชัดเจนขึ้น
การที่สไปโรซึ่งมีคอนเน็คชันลูกค้าระดับซูเปอร์สตาร์และนักลงทุนมั่งคั่ง มาร่วมงานในครั้งนี้ อาจเป็นจุดเปลี่ยนสำคัญของ Dogecoin จากเหรียญมีมที่มีมูลค่าผันผวนตามทวีตของมัสก์ สู่การเป็นสินทรัพย์ที่มีการจัดการอย่างเป็นระบบและมีธรรมาภิบาลที่ดี ภายใต้วิสัยทัศน์ “doing only good everyday” ที่เป็นสโลแกนของชุมชน DOGE มาตั้งแต่เริ่มต้น
ที่มา : The Coinrepublic

