หลายคนอาจไม่รู้ว่า Dogecoin (DOGE) มีโครงสร้างการออกเหรียญที่ “ไม่เหมือนใคร” ในโลกคริปโต โดยทุกปีจะมีการออกเหรียญใหม่จำนวน 5 พันล้าน DOGE แบบคงที่ ไม่ว่าจะผ่านไปกี่ปีก็ยังเป็นตัวเลขเดิม ตรงนี้ต่างจากบิตคอยน์ที่มีระบบ “ halving” ลดรางวัลลงครึ่งหนึ่งทุก 4 ปี ซึ่งทำให้ความหายากของ BTC เพิ่มขึ้นเรื่อยๆ
สิ่งที่น่าสนใจคือ การออกเหรียญแบบคงที่ของ Dogecoin ทำให้อัตราเงินเฟ้อ “ลดลงเรื่อยๆ” เมื่อเทียบกับจำนวนเหรียญที่มีอยู่ทั้งหมด เช่น ในปีแรกๆ การเพิ่ม 5 พันล้านเหรียญอาจคิดเป็นเงินเฟ้อสูง แต่เมื่อจำนวนเหรียญรวมในระบบมากขึ้น อัตราเงินเฟ้อก็เล็กลงโดยอัตโนมัติ และที่สำคัญคือ สามารถคาดการณ์ได้ล่วงหน้าอย่างแม่นยำ
อีกจุดแข็งของ Dogecoin คือ มันไม่ถูกออกแบบมาเพื่อการเก็บสะสมหรือ “HODL” เหมือนบิตคอยน์ แต่ถูกสร้างมาเพื่อ “การใช้จ่ายจริง” เพราะการที่ไม่มีแรงจูงใจในการกักเก็บ จะช่วยให้ Dogecoin มีโอกาสหมุนเวียนในระบบเศรษฐกิจได้มากกว่า และนี่อาจเป็นคำตอบว่าทำไม Dogecoin ถึงถูกพูดถึงบ่อยในฐานะ “เงินดิจิทัลสำหรับการใช้งานจริง”
นักวิเคราะห์หลายรายยังมองว่า โมเดลนี้ทำให้ Dogecoin มีความ “เสถียรในเชิงโครงสร้าง” ที่หาได้ยากในเหรียญอื่นๆ และช่วยให้คนทั่วไปเข้าใจง่ายว่ามันคือสกุลเงินที่พึ่งพาได้ เพราะคุณสามารถรู้ล่วงหน้าได้ว่าในอีก 1 ปี 5 ปี หรือ 10 ปี จะมี Dogecoin ใหม่เข้าสู่ระบบกี่เหรียญ ต่างจากเหรียญบางตัวที่ supply ถูกออกแบบซับซ้อนและไม่แน่นอน
ทั้งหมดนี้ทำให้ Dogecoin กลายเป็นเหมือน “เงินดิจิทัลประชาชน” ที่ไม่เน้นความหายากเพื่อการเก็งกำไร แต่เน้นความเรียบง่าย โปร่งใส และหมุนเวียนใช้งานได้จริงในชีวิตประจำวัน
ที่มา: dogecoin

