ในโลกของเทคโนโลยี มีเรื่องราวลึกลับหนึ่งที่ยังคงเป็นปริศนามาจนถึงทุกวันนี้ นั่นคือเรื่องราวของ Satoshi Nakamoto ชายลึกลับผู้สร้าง Bitcoin สกุลเงินดิจิทัลที่เข้ามาเปลี่ยนโลกการเงินไปตลอดกาล แต่หลังจากสร้างผลงานอันยิ่งใหญ่ เขาก็ได้หายตัวไปอย่างลึกลับ ทิ้งไว้เพียงปริศนาและความสำเร็จที่ไม่มีใครลืมเลือน
ย้อนกลับไปในปี 2008 ในช่วงที่โลกกำลังเผชิญกับวิกฤตเศรษฐกิจครั้งใหญ่ ชายลึกลับที่ใช้นามแฝงว่า Satoshi Nakamoto ได้เผยแพร่เอกสาร White Paper ชื่อ “Bitcoin: A Peer-to-Peer Electronic Cash System” เอกสารเพียง 9 หน้านี้คือ จุดเริ่มต้นของการปฏิวัติครั้งสำคัญในโลกการเงิน
สิ่งที่น่าทึ่งคือ ตลอดช่วงเวลาที่ Satoshi Nakamoto ยังคงทำงานอยู่ในโลกออนไลน์ เขาไม่เคยเปิดเผยข้อมูลส่วนตัวใด ๆ เลย ไม่ว่าจะเป็นรูปภาพ เสียง หรือการพบปะกับใครตัวต่อตัว เขาติดต่อกับนักพัฒนารายอื่นผ่านฟอรัมออนไลน์และอีเมลเท่านั้น ถือเป็นการทำงานภายใต้เงื่อนไขที่ปิดบังตัวตนได้อย่างสมบูรณ์แบบที่สุด
สิ่งที่ทำให้เรื่องราวของ Satoshi Nakamoto น่าสนใจมากขึ้นคือ การหายตัวไปอย่างกะทันหันของเขาในปี 2011 เขาค่อย ๆ ลดการติดต่อสื่อสารกับนักพัฒนารายอื่นลง จนในที่สุดก็เงียบหายไป ซึ่งข้อความสุดท้ายที่เขาส่งไปถึงเพื่อนร่วมงานคือ “I’ve moved on to other things” หรือแปลว่า “ผมไปทำอย่างอื่นแล้ว”

ที่มาภาพ : reddit
การหายไปของเขา ไม่ใช่แค่การหยุดพัก แต่เป็นการหายตัวไปตลอดกาล ก่อนทิ้งโปรเจกต์ Bitcoin ไว้ในมือของชุมชน และไม่เคยกลับมาแตะต้องโปรเจกต์นี้อีกเลย แม้ว่าในภายหลัง Bitcoin จะกลายเป็นสกุลเงินดิจิทัลที่มีมูลค่ามหาศาลก็ตาม
ทฤษฎีเบื้องหลังการหายตัวของ Satoshi Nakamoto

ที่มาภาพ : cryptonews
มีหลายทฤษฎีที่พยายามอธิบายว่า ทำไม Satoshi Nakamoto ถึงเลือกที่จะหายตัวไป หนึ่งในนั้นคือเรื่องของ ความปลอดภัยส่วนบุคคล การสร้างสกุลเงินดิจิทัลที่อาจเข้ามาท้าทายระบบการเงินโลกมีความเสี่ยงสูงมาก เขาอาจเกรงว่า รัฐบาลหรือธนาคารขนาดใหญ่จะตามล่าตัวเขา
อีกทฤษฎีหนึ่งคือเรื่องของ ปรัชญาการกระจายอำนาจ (Decentralization) Satoshi Nakamoto เชื่อมั่นในการกระจายอำนาจอย่างแท้จริง หากเขายังคงอยู่ และทำหน้าที่เป็นผู้นำของ Bitcoin ก็จะทำให้ Bitcoin กลายเป็นระบบที่มี “ศูนย์กลาง” ซึ่งขัดแย้งกับปรัชญาดั้งเดิมที่เขาต้องการให้เป็น
ตัวตนของ Satoshi Nakamoto เป็นใครกันแน่?

ที่มาภาพ: analyticsinsight
แม้ว่า Satoshi Nakamoto จะหายตัวไปจากสาธารณชนแล้ว แต่ก็ยังมีการคาดเดาและตั้งทฤษฎีหลายๆ อย่างเกี่ยวกับตัวตนของเขาออกมาให้เห็นกันเรื่อย โดยบุคคลที่มีชื่อเสียงที่หลายคนพยายามทายตัวตนของ Satoshi เช่น Nick Szabo นักวิจัยด้านเทคโนโลยีบล็อกเชน หรือ Hal Finney นักพัฒนาและผู้ที่ได้รับการยกย่องว่าเป็นหนึ่งในบุคคลที่มีบทบาทสำคัญในการพัฒนา Bitcoin บางคนถึงกับเชื่อว่า Satoshi อาจจะเป็นกลุ่มคนกลุ่มหนึ่งที่ทำงานร่วมกัน ซึ่งอาจจะไม่ใช่บุคคลเดียวก็เป็นได้
แต่จนถึงวันนี้ ตัวตนของ Satoshi Nakamoto ก็ยังคงเป็นปริศนาที่ไม่มีใครสามารถไขออก

Nick Szabo นักวิจัยด้านเทคโนโลยีบล็อกเชน ที่มาภาพ : bitcoinwiki

Nick Szabo ที่มาภาพ : zonebitcoin
ความลึกลับของกระเป๋าเงินดิจิทัลของ Satoshi

ที่มาภาพ : coinpedia
อีกหนึ่งสิ่งที่ทำให้เรื่องราวของ Satoshi Nakamoto น่าติดตามคือ เราสามารถติดตามกระเป๋าเงินดิจิทัลของ Satoshi ผ่านบล็อกเชนได้ โดยกระเป๋าเงินนั้นมี Bitcoin อยู่ประมาณ 1 ล้านเหรียญ ซึ่งในปัจจุบันมีมูลค่ามหาศาล แต่ที่น่าทึ่งคือ Bitcoin เหล่านี้ไม่เคยถูกขยับ โอนย้ายเลยตั้งแต่ปี 2009
การที่ Satoshi Nakamoto ไม่เคยแตะต้อง Bitcoin ที่เขามีอยู่ในกระเป๋าเงินเลย สะท้อนให้เห็นถึงความตั้งใจที่แท้จริงของเขาว่า เขาไม่ได้สร้าง Bitcoin ขึ้นมาเพื่อความร่ำรวยส่วนตัว แต่เพื่อเปลี่ยนแปลงโลกการเงินอย่างแท้จริง หากเขาตัดสินใจขาย Bitcoin ทั้งหมดที่เขามีอยู่ อาจจะทำให้ราคา Bitcoin ดิ่งลงอย่างรุนแรง และส่งผลกระทบต่อทั้งตลาดได้อย่างคาดไม่ถึง
แม้ว่า Satoshi Nakamoto จะหายตัวไป แต่สิ่งที่เขาทิ้งไว้กลับยิ่งใหญ่มาก เพราะ Bitcoin ไม่ได้เป็นเพียงแค่สกุลเงินดิจิทัล แต่เป็นจุดเริ่มต้นของการปฏิวัติวงการการเงินโลก เขาสร้างแนวคิดใหม่เกี่ยวกับเงินที่ไม่ต้องพึ่งพาสถาบันการเงินหรือรัฐบาล
การหายตัวไปของ Satoshi Nakamoto กลายเป็นส่วนหนึ่งของตำนาน Bitcoin เขาคือบุคคลลึกลับที่ทุกคนในวงการบล็อกเชนรู้จัก แต่ไม่มีใครล่วงรู้ตัวตนที่แท้จริงของเขาได้เลย
สุดท้ายนี้เราอาจจะไม่รู้ใครคือ Satoshi Nakamoto แต่สิ่งหนึ่งที่เรารู้แน่ ๆ คือ เขาได้เปลี่ยนแปลงโลกการเงินไปแล้วตลอดกาล และทำให้เราได้รู้จักกับโลกการเงินดิจิทัลรูปแบบใหม่ที่ไม่มีใครเคยเห็นมาก่อน

