วุฒิสมาชิกสหรัฐฯ ผู้ผลักดันวงการคริปโตอย่างแข็งขัน “Cynthia Lummis” ออกมาเปิดเผยล่าสุดว่า แผนการจัดตั้ง “คลังทุนสำรอง Bitcoin” ของรัฐบาลสหรัฐฯ สามารถเริ่มต้นได้ทุกเมื่อ หากผ่านขั้นตอนทางกฎหมายที่ซับซ้อนและยุ่งยาก ซึ่งในตอนนี้ถือเป็นอุปสรรคหลักเพียงอย่างเดียว
ความเคลื่อนไหวครั้งนี้เกิดขึ้นไม่นานหลังจากที่ Jeff Park และ Anthony Pompliano ได้เปิดประเด็นถกเถียงถึง “ความเป็นไปได้” ของแนวคิดดังกล่าว โดย Park ตั้งคำถามชวนคิดว่า “จะเกิดอะไรขึ้น หากรัฐบาลสหรัฐฯ นำกำไรจากทองคำมูลค่า 1 ล้านล้านดอลลาร์ มาตั้งเป็นคลังทุนสำรอง Bitcoin แห่งชาติ?”
เขาอธิบายเพิ่มเติมว่า ปัจจุบันสหรัฐฯ มีหนี้สาธารณะมากกว่า $37.8 ล้านล้านดอลลาร์ การนำเงินเพียง $1 ล้านล้านดอลลาร์ มาลงทุนในสินทรัพย์ที่มีศักยภาพเติบโตสูงอย่าง Bitcoin จึงถือเป็น “ความเสี่ยงที่ต่ำมาก” เมื่อเทียบกับโอกาสระยะยาว พร้อมยกตัวอย่างว่า หากราคา Bitcoin เติบโตเฉลี่ยปีละ 12% สหรัฐฯ จะสามารถทำกำไรได้กว่า 30 เท่าภายใน 30 ปี ซึ่งอาจเป็นหนทาง “ปลดหนี้แบบไม่ต้องออกแรง” ได้จริง
แม้ Lummis จะไม่ได้เปิดเผยแหล่งเงินทุนอย่างเป็นทางการ แต่จากข้อมูลก่อนหน้า ชี้ให้เห็นว่า “ทุนสำรอง Bitcoin” อาจเริ่มต้นจาก บิทคอยน์ที่ถูกยึดโดยกระทรวงการคลัง ก่อนจะมีการทยอยซื้อเพิ่มเติมในภายหลัง โดยใช้วิธีที่ “ไม่กระทบงบประมาณของรัฐหรือภาษีประชาชน”
อย่างไรก็ตาม แม้ อดีตประธานาธิบดี Donald Trump จะลงนามในคำสั่งบริหารให้จัดตั้งทุนสำรอง Bitcoin มานานกว่า 7 เดือนแล้ว แต่จนถึงตอนนี้ สหรัฐฯ ก็ยังไม่สามารถเดินหน้าโครงการได้จริง
ในขณะเดียวกัน Anthony Pompliano หนึ่งในนักลงทุนและนักวิเคราะห์คริปโตชื่อดังของสหรัฐฯ เริ่มมองในแง่บวก โดยเขากล่าวว่า “การจัดตั้งทุนสำรอง Bitcoin ของสหรัฐฯ ใกล้เกิดขึ้นจริงมากกว่าที่หลายคนคิด” และสิ่งที่จะสร้างแรงกระเพื่อมต่อราคาตลาดมากที่สุด อาจไม่ใช่วันที่มีการประกาศตั้งอย่างเป็นทางการ แต่คือ “วันที่รัฐบาลเริ่มเข้าซื้อ Bitcoin เป็นครั้งแรก”
ที่มา : Cointelegraph

