IBM (International Business Machines) บริษัทเทคโนโลยีระดับโลก ได้ประกาศเปิดตัว “IBM Digital Asset Haven” ซึ่งเป็นแพลตฟอร์มครบวงจรที่ออกแบบมาโดยเฉพาะสำหรับสถาบันการเงิน รัฐบาล และองค์กรขนาดใหญ่ เพื่อเข้าสู่เศรษฐกิจสินทรัพย์ดิจิทัลอย่างปลอดภัยและเป็นไปตามข้อกำหนด (Compliant)
การเคลื่อนไหวครั้งนี้ถือเป็นก้าวสำคัญที่ยืนยันว่า เทคโนโลยีดิจิทัลไม่ใช่เรื่องใหม่สำหรับ Wall Street อีกต่อไป แต่กำลังถูกผนวกเข้าสู่โครงสร้างพื้นฐานหลักของระบบการเงินดั้งเดิม (Core Plumbing)
Haven: ประตูสู่ Crypto ที่ปลอดภัยและครบวงจร
IBM Digital Asset Haven เป็นผลงานความร่วมมือกับ Dfns ผู้ให้บริการโครงสร้างพื้นฐาน Wallet ชั้นนำ (ซึ่งสร้าง Wallet มาแล้วกว่า 15 ล้านใบ) โดยจุดเด่นที่ทำลายกำแพงการเข้าสู่ Crypto ของสถาบันการเงินคือ:
- รองรับ Multi-Chain: แพลตฟอร์มนี้รองรับการจัดการสินทรัพย์ดิจิทัลข้าม 40+ บล็อกเชน ทั้ง Public และ Private ในแพลตฟอร์มเดียว ทำให้ธนาคารสามารถจัดการวงจรชีวิตของสินทรัพย์ (Custody, Transaction, Settlement) ได้อย่างง่ายดาย
- ความปลอดภัยระดับ IBM Z: ระบบความปลอดภัยสร้างขึ้นบนโครงสร้างพื้นฐานของ IBM Z และ LinuxONE โดยใช้เทคโนโลยี Multi-Party Computation (MPC) และ Hardware Security Module (HSM) เพื่อการจัดการคีย์เข้ารหัส ซึ่งตอบโจทย์ข้อกำหนดด้านความปลอดภัยที่เข้มงวดของหน่วยงานกำกับดูแล
- Yield และ Compliance Ready: แพลตฟอร์มนี้มาพร้อมบริการแบบบูรณาการ (Pre-Integrated) สำหรับ KYC/AMLและ Yield Generation (การสร้างผลตอบแทน On-Chain) ทำให้สถาบันสามารถเริ่มสร้างรายได้จาก Crypto Holdings ได้ทันที
การตลาดเชิงกลยุทธ์: เข้าสู่ Production ทั่วโลก
- Tom McPherson ผู้จัดการทั่วไปของ IBM Z และ LinuxONE กล่าวว่า แพลตฟอร์มใหม่นี้มอบความยืดหยุ่นและความเชื่อมั่นที่ลูกค้าต้องการ เพื่อ “สร้างบริการทางการเงินในยุคหน้า”
- Clarisse Hagège ซีอีโอของ Dfns ย้ำว่า แพลตฟอร์มนี้ “ก้าวข้ามแค่การดูแลสินทรัพย์” แต่เป็นการจัดระเบียบระบบนิเวศสินทรัพย์ดิจิทัลทั้งหมด เพื่อให้สินทรัพย์ดิจิทัลสามารถย้ายจาก Pilot Programs (โครงการนำร่อง) ไปสู่ Production (การใช้งานจริง) ในระดับโลกได้
- กำหนดการเปิดตัว: IBM Digital Asset Haven คาดว่าจะเริ่มให้บริการแบบ SaaS และ Hybrid SaaS ภายในไตรมาส 4 ปี 2025 นี้ และมีแผนสำหรับ On-Premises (ติดตั้งในองค์กร) ในไตรมาส 2 ปี 2026
การที่ยักษ์ใหญ่อย่าง IBM เข้ามาในตลาดนี้อย่างเต็มตัว ยิ่งเป็นการเร่งให้เกิดการยอมรับ Tokenization และ Stablecoin ในระดับ Mainstream และเป็นความท้าทายโดยตรงต่อผู้ให้บริการ Custody รายเดิมอย่าง Coinbase ที่ปัจจุบันครองตลาด ETF อยู่
ที่มา: ibm

