ตลาดคริปโตต้องเผชิญกับการเทขายอย่างหนักเมื่อวานนี้ โดยมูลค่าตลาดรวมได้สูญหายไปถึง 140,000 ล้านดอลลาร์สหรัฐฯ ภายในช่วงเวลาเพียง 5 ชั่วโมงเท่านั้น ข้อมูลระบุว่าในช่วงระหว่าง 14:00–19:00 น. (UTC) มูลค่าตลาดรวมลดลงจาก 3.54 ล้านล้านดอลลาร์ เหลือ 3.40 ล้านล้านดอลลาร์ ซึ่งเป็นการส่งสัญญาณถึงแรงเทขายครั้งใหญ่ที่เกิดขึ้นพร้อมกันทั่วทั้งตลาด
เหรียญหลักต่างปรับตัวลงถ้วนหน้า Bitcoin (BTC) ปรับตัวลง 1.83% เหลือราว $101,265, Ethereum (ETH) ลดลง 1.64% อยู่ที่ $3,397.55, ส่วน XRP ร่วงแรงสุด 3.98% เหลือ $2.33 และ Solana (SOL) ลดลง 3.69% เหลือเพียง $152.24 ในขณะที่รายงาน
สาเหตุของแรงเทขายครั้งนี้ มาจากความไม่แน่นอนของนโยบายการเงินสหรัฐฯ หลังเจ้าหน้าที่ธนาคารกลางสหรัฐฯ (Fed) ยังมีความเห็นต่างระหว่าง “เงินเฟ้อที่ยังสูง” กับ “ตลาดแรงงานที่เริ่มอ่อนแอ” ทำให้นักลงทุนไม่มั่นใจว่า Fed จะปรับลดดอกเบี้ยในเดือนธันวาคมหรือไม่
ขณะเดียวกัน เหตุการณ์ Government Shutdown ของสหรัฐฯ ก็ซ้ำเติมสถานการณ์ ทำให้การเผยแพร่ข้อมูลเศรษฐกิจล่าช้า และเพิ่มแรงกดดันต่อความเชื่อมั่นของตลาด
ท่ามกลางความผันผวน นักลงทุนจำนวนมากเริ่มโยกเงินหนีไปยังสินทรัพย์ปลอดภัยอย่างทองคำ ส่งผลให้ Bitcoin ร่วงลงกว่า 17% จากจุดสูงสุดเมื่อเดือนตุลาคม และตอนนี้กำลังพยายามยืนเหนือแนวรับสำคัญที่ 100,000 ดอลลาร์
นักวิเคราะห์จาก Morgan Stanley อย่าง Denny Galindo เตือนว่า Bitcoin อาจกำลังเข้าสู่ช่วง “ฤดูใบไม้ร่วง” ของ Cycle โดยอ้างอิงจากโมเดล “สามขึ้น หนึ่งลง” ซึ่งชี้ถึงโอกาสในการพักฐานครั้งใหญ่หลังจากพุ่งขึ้นต่อเนื่องหลายปี
อย่างไรก็ตาม ฝั่งนักลงทุนสถาบันยังคงไม่หนีออกจากตลาดคริปโต ปัจจุบัน Bitcoin ETF ในสหรัฐฯ บริหารสินทรัพย์รวมกว่า 137,000 ล้านดอลลาร์ สะท้อนถึงความเชื่อมั่นที่ยังมีอยู่ใน Bitcoin ในฐานะสินทรัพย์ป้องกันเงินเฟ้อระยะยาว
ทั้งนี้ ตลาดกำลังจับตามองว่า Bitcoin (BTC) จะสามารถรักษาระดับเหนือ $100,000 ได้หรือไม่ เพราะหากหลุดต่ำกว่านี้ อาจเกิดแรงเทขายครั้งใหญ่ที่ลากทั้งตลาดให้ร่วงลงตามไปด้วย
ที่มา:finbold