<?php wp_title('|', true, 'right'); ?>

ตัวเลขน่าตกใจ! มีแค่ 8%–11% ของสินทรัพย์คริปโตที่ทำกำไรได้จริงที่เหลือขาดทุนย่อยยับ

ติดตามสยามบล็อกเชนบนSiam Blockchain

แม้ตลาดคริปโตจะเติบโตจนมีมูลค่าทางเศรษฐกิจสูงถึงหลายล้านล้านดอลลาร์ แต่รายงานล่าสุดชี้ให้เห็นว่า มีเพียง 8%–11% ของสินทรัพย์ดิจิทัลทั้งหมดเท่านั้นที่สามารถสร้างผลตอบแทนได้ ซึ่งถือว่าน้อยมากเมื่อเทียบกับตลาดการเงินดั้งเดิมที่สินทรัพย์สามารถสร้างผลตอบแทนมีสัดส่วนสูงถึง 55%–65% ของเงินลงทุนทั้งหมด

ข้อมูลจาก Redstone ชี้ให้เห็นว่า แม้ว่ามูลค่าตลาดคริปโตโดยรวมจะอยู่ที่ $3.2 ล้านล้านดอลลาร์ (ณ เดือนพฤศจิกายน 2025) แต่สินทรัพย์ที่สามารถสร้างผลตอบแทน ได้จริงกลับมีมูลค่าเพียง $300–400 พันล้านดอลลาร์ หรือประมาณ 10% เท่านั้น ซึ่งเมื่อเทียบกับตลาดการเงินดั้งเดิม ที่มีสัดส่วนสินทรัพย์สร้างผลตอบแทนใหญ่กว่าคริปโตถึง 100 เท่า ข้อมูลนี้จึงแสดงให้เห็นอย่างชัดเจนว่า โลกคริปโตในปัจจุบันยังคงเน้นการเก็งกำไรมากกว่าการสร้างรายได้ที่ยั่งยืนในระยะยาว

รายงานจาก Redstone ได้ชี้ว่า ช่องว่างที่มีอยู่ในตลาดปัจจุบันคือ “โอกาสทอง” ของอุตสาหกรรมคริปโต โดยเฉพาะอย่างยิ่งจากการมาแรงของแนวคิด “Crypto-as-infrastructure” (การใช้คริปโตเป็นโครงสร้างพื้นฐาน) 

เมื่อโลกการเงินแบบดั้งเดิมเริ่มเห็นถึงประสิทธิภาพที่เหนือกว่าของเทคโนโลยีนี้อย่างชัดเจนแล้ว สินทรัพย์คริปโตที่สามารถสร้างผลตอบแทนจะมีโอกาสเติบโต และถูกนำไปใช้จริงอย่างมหาศาล ซึ่งจะส่งผลให้ตลาดคริปโตโดยรวม เติบโตในลักษณะก้าวกระโดด 

ในอดีต สถาบันการเงินมักจะไม่สนใจผลตอบแทน จากคริปโตเลย เนื่องจากความผันผวนระดับสามหลักในเหรียญหลัก ๆ ทำให้ผลตอบแทนเพียง 4%-8% ดูเล็กน้อยมากเมื่อเทียบกับความเสี่ยง แต่ปัจจุบันมุมมองนี้ได้เปลี่ยนไป เพราะสถาบันต่าง ๆ เริ่มมองคริปโตเป็นโครงสร้างพื้นฐานทางการเงินไม่ใช่แค่สินทรัพย์เพื่อการเก็งกำไรเท่านั้น 

ตัวอย่างที่ชัดเจนที่สุดของการเปลี่ยนแปลงนี้คือ การเติบโตอย่างรวดเร็วของ Liquid Staking Tokens (LSTs)

ในช่วงปี 2023 ถึงพฤศจิกายน 2025 ตลาด Liquid Staking Tokens (LSTs) มีการเติบโตอย่างน่าทึ่ง โดยเฉพาะบน Ethereum ที่จำนวนเหรียญ LSTs พุ่งขึ้นจาก 6 ล้านเหรียญในปี 2023 ไปเป็น 16 ล้านเหรียญ ในช่วงปลายปี 2025 คิดเป็นการเพิ่มมูลค่ารวมในตลาดถึง $34,000 ล้านดอลลาร์ 

ในขณะเดียวกัน Solana LSTs ก็แสดงการเติบโตอย่างแข็งแกร่งเช่นกัน โดยมีปริมาณเหรียญเพิ่มขึ้น 2 เท่า ในช่วงเวลาเดียวกัน และเพิ่มมูลค่าในตลาดอีก $10,000 ล้านดอลลาร์ 

นอกจากนี้ ผลิตภัณฑ์ที่สร้างผลตอบแทนบน Bitcoin ก็เริ่มเกิดขึ้นแล้ว ซึ่งถูกมองว่า เป็น แนวทางใหม่ ในการสร้าง Yield บนบล็อกเชนที่สำคัญ และน่าจับตามองในอนาคต

ซึ่งสินทรัพย์ประเภท RWA ที่สร้างผลตอบแทน (เช่น พันธบัตรหรือตราสารหนี้ที่ถูกโทเคไนซ์) ก็กำลังกลายเป็นปัจจัยหลักในการดึงดูดสถาบันการเงินเข้าสู่โลกคริปโตอย่างแท้จริง เนื่องจากสถาบันเหล่านี้มีความคุ้นเคยกับสินทรัพย์ประเภทดังกล่าวอยู่แล้ว อีกทั้ง RWA ยังมีความเสี่ยงต่ำกว่าการถือครองเหรียญคริปโตแท้ ๆ 

ในขณะเดียวกัน ระบบบล็อกเชน ก็ช่วยเพิ่มประสิทธิภาพให้สูงขึ้น โดยมอบการชำระเงินที่รวดเร็ว และมีความโปร่งใสมากกว่าระบบการเงินแบบดั้งเดิม

รายงานยังชี้ว่า สถาบันการเงินขนาดใหญ่หลายแห่งยังไม่สามารถลงทุนใน Bitcoin ได้โดยตรง เนื่องจากมีข้อจำกัดของกฎระเบียบภายในซึ่งเป็นสาเหตุให้เหรียญ Altcoin อย่าง ETH, SOL หรือสินทรัพย์ที่สามารถสร้างผลตอบแทนอื่น ๆ ยังไม่ได้รับกระแสเงินทุนเต็มตัวจากสถาบันเหล่านั้น

ที่มา : bitcoin.news