Ripple ประกาศว่าจะตั้งออฟฟิศแห่งใหม่ที่เมืองดูไบในประเทศสหรัฐอาหรับเอมิเรตส์ก่อนสิ้นปี 2018 นี้
หากพูดถึงเกี่ยวกับการประชุมสุดยอดทางเศรษฐกิจของรัฐอิสลามที่จัดขึ้นที่เมืองดูไบในปีนี้ คุณ Dilip Rao หัวหน้าแผนกนวัตกรรมโครงสร้างพื้นฐานของ Ripple กล่าวว่าจุดประสงค์ของบริษัท Fintech คือการชำระเงินข้ามพรมแดน เขากล่าวต่อไปอีกว่า Ripple ไม่ได้เป็นสิ่งแปลกใหม่ในตะวันออกกลางเพราะได้เข้าร่วมการเป็นพาร์ทเนอร์กับหลาย ๆ สถาบันการเงินในภูมิภาคตะวันออกกลาง
“ตอนนี้เรามีธนาคาร 3 แห่งในซาอุดิอาราเบีย 2 แห่งในคูเวต 1 แห่งในบาร์เลน 1 แห่งในโอมาน และอีก 2-3 แห่งในสหรัฐอาหรับเอมิเรตส์ ซึ่งเป็นตลาดสินค้าที่โตเร็วมาก” คุณ Rao กล่าว
การโอนเงินโลกตามสถิติของ World Bank แสดงให้เห็นว่าประเทศในตะวันออกกลางถึง 2-3 ประเทศเป็นแหล่งที่มีการโอนเงินมากที่สุดเนื่องจากว่ามีคนงานต่างชาติเข้าไปทำงานในประเทศมากทำให้ประเทศกลายเป็นตลาดที่สำคัญสำหรับบริษัทที่ทำเกี่ยวกับการชำระเงิน
หนึ่งในธนาคารของซาอุดิอาราเบียที่เป็นพาร์ทเนอร์กับ Ripple ก็คือธนาคารแห่งชาติที่มีลูกค้ามากกว่า 5 ล้านคนทั่วโลกซึ่งได้ทำการตกลงเข้าร่วมเป็นหุ้นส่วนกันเมื่อกลางเดือนกันยายนที่ผ่านมา เราจะเห็นว่าธนาคารสาขาย่อยของซาอุก็เข้าร่วมเครือข่าย Blockchain กับบริษัท Fintech ‘RippleNet’ ซึ่งเชื่อมต่อกับสถาบันการเงินที่ตั้งอยู่ในเอเชียและอเมริกาเหนือ
เนื่องจากว่าดูไบเป็นเมืองมุสลิม ทาง Ripple จึงจำเป็นที่จะต้องแสดงให้เห็นว่าผลิตภัณฑ์ Blockchain และบริษัทได้ก่อตั้งขึ้นและทำตามกฎเกณฑ์ทางกฎหมายอิสลามกล่าวคือความสามารถในการรู้ว่าอะไรคือทรัพย์สินที่อ้างอิงในการทำธุรกรรม ความสามารถในการระบุผู้เข้าร่วมการทำธุรกรรม ความสามารถในการรับรู้บทบาทและหน้าที่ตามสัญญาและความสามารถในการที่จะสามารถลดความเสี่ยงทั้งหลายที่สอดคล้องกับหลักการของกฎหมายอิสลาม
อิทธิพลของระบบการเงินแบบดั้งเดิมได้หมดไป
ในระบบการโอนเงินแบบดั้งเดิม คุณ Rao เห็นว่ามันมีค่าใช้จ่ายสูงและช้าแถมยังไม่สะดวกอีกด้วย
ในกรณีของธนาคารเพื่อการติดต่อทางการเงินระหว่างประเทศ ทาง Ripple ได้กล่าวว่าธนาคารดังกล่าวได้ถูกยกเลิกไปในบางพื้นที่ของโลก เช่น เอเชียทางตอนใต้และเทคโนโลยีที่ได้จดทะเบียนใหม่ก็ถูกนำมาใช้แทน
คุณ Rao ชี้ให้เห็นว่าเทคโนโลยีแบบใหม่ไม่ใช่ข้อผิดพลาดเแต่มันไม่เหมาะสำหรับการชำระเงินจำนวนมากที่มีมูลค่าสูงหรือต่ำ ตามความคิดเห็นของคุณ Rao การแก้ปัญหานี้คือการนำเทคโนโลยี blockchain มาใช้และทาง Ripple ก็กำลังร่วมมือกับธนาคารในการพัฒนาทางออกที่สอดคล้องกับข้อกำหนดด้านกฎระเบียบทางการเงิน
ที่มา CCN
กดคลิกเพื่อแสดงความเห็น