บริษัทยักษ์ใหญ่ด้านไอทีของญี่ปุ่นนาม GMO ได้รายงานว่ารายได้ในส่วนของบริการด้านขุดเหมืองคริปโตของบริษัทนั้นขาดทุนกว่า 640 ล้านเยน (ประมาณ 5.6 ล้านดอลลาร์) ในไตรมาสที่สามของปี 2018
ข้อมูลนี้ถูกเปิดเผยจากรายงานทางการเงินล่าสุดของบริษัทเมื่อวันจันทร์ที่ผ่านมา โดยตัวเลขดังกล่าวนั้นแย่กว่าในไตรมาสที่สอง โดยขาดทุนกว่า 360 ล้านเยน (3.2 ล้านดอลลาร์) โดยทาง GMO ระบุว่าการขาดทุนนี้มาจากสภาพแวดล้อมรอบด้านและค่าเสื่อมราคาที่มากขึ้น
โดยรวมแล้วทางบริษัทได้กำไรเล็กน้อยในไตรมาสที่สามจากบริการขุดเหรียญที่ 1.23 พันล้านเยน (10.78 ล้านดอลลาร์) เทียบกับ 1.17 พันล้านเยน (10.26 ล้านดอลลาร์) ในไตรมาสที่สอง
อ้างอิงจากรายงานทางการเงินฉบับล่าสุด GMO สามารถขุด Bitcoin ได้จำนวน 1,590 BTC และขุด Bitcoin Cash จำนวน 25 BCH ในไตรมาสที่สาม
GMO ได้ให้ข้อมูลเกี่ยวกับความสามารถในการทำเหมืองเช่นค่ากำลังขุดซึ่งได้เพิ่มขึ้นเป็น 674 PH/s ในเดือนตุลาคมที่ผ่านมา เทียบกับ 479 PH/s ในเดือนกันยายนที่ผ่านมา โดยทาง GMO ระบุว่ามีเป้าหมายที่จะเพิ่มให้ถึง 800PH/s ภายในสิ้นปีนี้
ในส่วนของภาพรวมของการให้บริการด้านคริปโตนั้นก็ยังสามารถทำรายได้เพิ่มขึ้นในไตรมาสที่สาม ถึงแม้ว่ากำไรจะลดลงจากไตรมาสที่สอง โดยสามารถทำรายได้ที่ 2.6 พันล้านเยน (ประมาณ 22.80 ล้านดอลลาร์) และกำไรโดยรวมลดลงเหลืออยู่ที่ 104 ล้านเยน (912,840 ดอลลาร์)
GMO กล่าวว่ากำไรที่ลดลงจากบริการด้านขุดเหมืองนั้นถูกทดแทนด้วยบริการเว็บเทรดคริปโตของพวกเขา
สุดท้าย GMO กล่าวว่าจากเดิมที่ว่าจะทำการจัดส่งเครื่องขุด Bitcoin ที่ใช้ชิพ 7 nm ในเดือนตลาคมนั้น อาจต้องเลื่อนไปก่อนเนื่องจากขาดแคลนชิ้นส่วนอิเล็กทรอนิกส์บางตัว
หรือว่านี่อาจจะเป็นขาลงของวงการขุดเหรียญคริปโตเสียแล้ว เพราะว่าเมื่อมีรายงานด้านผลประกอบการในการทำธุรกิจขุดเหมืองออกมานั้น ก็มีผลประกอบการขาดทุนในทุก ๆ ไตรมาสนั่นเอง
การขุด Bitcoin ก็คือการแก้โจทย์สมการที่ถูกคิดค้นขึ้นมาโดยระบบของ Blockchain ซึ่งนักขุด (Miner) ก็จะได้รางวัล (Reward) จากการขุดเป็นชนิดเหรียญที่กำลังขุด อีกทั้งยังเป็นการดึงดูดให้คนมาลงทุนกับการขุดเนื่องจากการขุดนั้นถือเป็นหัวใจหลักสำคัญที่สามารถขับเคลื่อนให้ระบบ Blockchain เดินหน้าไปได้
กดคลิกเพื่อแสดงความเห็น