หลังจากที่ตลาดคริปโตฟันฝ่าตลาดขาลงมาอย่างยาวนานตลอดปี เหลือเพียงอีกแค่ไม่กี่วันเท่านั้นก็จะขึ้นปี 2019 แล้ว ซึ่งหลาย ๆ คนคาดหวังว่า มันคงมีความหวังมากกว่าปีนี้ ในปี 2019 ได้มีเทรนด์น่าสนใจมากมายในวงการคริปโต ในบทความนี้ จะไปเจาะลึกกันว่าหลัก ๆ แล้วมีเทรนด์อะไรบ้าง ?
STO
การระดมทุน ICO คืออีกหนึ่งเหตุผลว่าทำไมปี 2017 นั้นคือปีทองของวงการคริปโต การระดมทุนดังกล่าวได้รับความนิยมเป็นอย่างมาก เนื่องจากสตาร์ทอัปที่มีไอเดียเปลี่ยนโลกสามารถใช้ ICO ในการหาเงินทุนไปทำโปรเจกต์ได้ มันดึงดูดทั้งนักลงทุนและผู้สร้างโปรเจกต์จำนวนมหาศาลเข้ามา ผลักดันให้ตลาดคริปโตทะยานขึ้นไปอีกขั้น
อย่างไรก็ตาม มันก็ยังพบกับอุปสรรคด้านกฎหมายเนื่องจากมีการต้มตุ๋นหลอกลวงเกิดขึ้นเต็มไปหมด มีนักลงทุนเสียหายหลายล้านดอลลาร์ทุกเดือน ทางฝ่าย SEC หรือก.ล.ต. สหรัฐฯ จึงไม่สามารถอยู่เฉยได้เลยออกกฎหมายเข้ามาทำให้ระดมทุนได้ยากขึ้นมาก
จากเหตุการณ์ดังกล่าว เลยมีไอเดียใหม่ขึ้นมาชื่อว่า Security Token Offereings (STO) ซึ่งคล้ายกับการระดมทุน IPO ที่ต้องผ่านการตรวจสอบด้านกฎหมาย และผู้ที่ระดมทุนจะได้หลักทรัพย์ที่มีสิทธิมีเสียง ได้ส่วนแบ่งผลประกอบการของโปรเจกต์กลับไปแทน แตกต่างจาก ICO ที่ได้โทเคนแบบ Utlity ซึ่งมีหน้าที่เหมือนเงินไว้ใช้จ่ายเท่านั้น ไม่ได้มีความเป็นเจ้าของในโปรเจกต์นั้นแต่อย่างใด
ไอเดียดังกล่าวคาดว่า จะเริ่มเป็นรูปเป็นร่างมากขึ้นในปี 2019 และอาจเป็นจุดสมดุลระหว่างการระดมทุนแบบใหม่และการทำตามกฎระเบียบ ซึ่งอาจทำให้ตลาดคริปโตกลับมาคึกคักอีกครั้งเช่นปี 2017
กระแสของ STO นั้นดีมาก ๆ ในขนาดที่ Nasdaq หนึ่งในตลาดหุ้นที่ใหญ่ที่สุดในโลกยังให้ความเห็นว่า:
“ถ้าปี 2017 นั้นเป็นปีแจ้งเกิดของ ICO และปี 2018 นั้นเป็นปีของความไม่แน่นอนในกฎหมาย งั้น 2019 ก็คงเป็นปีของโทเคนหลักทรัพย์แน่ ๆ ในตอนนี้ STO นั้นมีอัตราส่วนเพียงนิดเดียวของตลาด ICO แต่มันกำลังจะเปลี่ยนไป โทเคนหลักทรัพย์จะดึงดูดเงินมหาศาลจาก Wall Street ในปีหน้า”
ผลิตภัณฑ์เพื่อสถาบันการเงิน
ในปี 2018 ที่ผ่านมานั้น คงได้เห็นข่าวของผลิตภัณฑ์ด้านการเงินสำหรับคริปโตอยู่หลากหลายครั้ง ซึ่งหลาย ๆ คนอาจจะสงสัยว่า ทำไมมันถึงมีความสำคัญนัก ?
สาเหตุหลัก ๆ ก็คือ มันจะทำให้เงินไหลเข้ามาในวงการคริปโตมากขึ้น และเมื่อเงินไหลเข้ามามากขึ้นก็แปลว่า Bitcoin และตลาดคริปโตมีโอกาสทะยานอีกครั้งนั่นเอง
ในปี 2019 ได้มีสถาบันมากมายวางแผนที่จะเริ่มเข้าสู่ตลาดคริปโต เช่น TD Ameritrade ที่มีลูกค้ากว่า 11 ล้านคน และ Fiedlity ที่มีลูกค้ากว่า 25 ล้านคน เทียบกับในตอนนี้ Bitcoin มี Wallet ที่ใช้งานประจำเพียง 5 ล้าน Addressess เท่านั้น ลองคิดภาพว่าถ้าทั้ง 36 ล้านรายนั้นกระโดดเข้ามาลงในคริปโต ตลาดจะเป็นอย่างไร
นอกจากนี้ยังมี Bakkt แพลตฟอร์มสำหรับการเทรดคริปโตที่มีเจ้าของเป็น New York Stock Exchange กำลังจะเปิดตัวในเดือนมกราคม 2019 ซึ่งได้ทำการร่วมมือกับยักษ์ใหญ่เช่น Microsoft และ Starbucks อีกด้วย
Nasdaq ตลาดหุ้นยักษ์ใหญ่ และ Boerse Stuttgart ตลาดหุ้นที่ใหญ่เป็นอันดับ 2 ของเยอรมัน ก็วางแผนที่จะเปิดตัวผลิตภัณฑ์ด้านคริปโตเช่นกัน
ยังไม่รวมถึง Bitcoin ETF ที่รอการอนุมัติจากก.ล.ต. ของ SolidX และ VanECK ซึ่งหากได้รับการอนุมัติจะทำให้นักลงทุนระดับสถาบันเข้ามาลงทุนได้ง่ายมาก ๆ
ทั้งหมดนี้ ล้วนมีสิทธิเกิดขึ้นในปี 2019 ทั้งสิ้น นักลงทุนหลาย ๆ คนควรจะเตรียมตัวไว้ให้ดี เพราะเงินมหาศาลที่ไหลเข้ามานั้น อาจเป็นตัวผลักดันให้ Bitcoin ไปทำ All Time High อีกรอบในปี 2019 ได้
Stablecoin
อีกหนึ่งเทรนด์ที่ไม่สามารถมองข้ามไปได้คือ Stablecoin มันคือกุญแจสำคัญที่จะทำให้คริปโตนั้นได้รับการยอมรับมากขึ้น เนื่องจากสามารถนำไปใช้ได้อย่างแพร่หลายโดยที่ราคาไม่ผันผวนเท่าคริปโตทั่วไป แต่ยังคงประโยชน์ของคริปโตไว้ได้อยู่
Stablecoin นั้นจำเป็นต้องมีสินทรัพย์บางอย่างเพื่อค้ำประกันไว้ตลอด เช่นเงินดอลลาร์สหรัฐฯ หรือสินทรัพย์อื่น ๆ ซึ่งปัญหาตอนนี้คือ Stablecoin ที่ได้รับความนิยมเช่น Tether หรือ USDT ยังไม่ได้รับการพิสูจน์อย่างจริงจังว่ามีเงินดอลลาร์ค้ำอยู่จริงหรือไม่
แต่ในตอนนี้มี Stablecoin ใหม่ ๆ ถือกำเนิดขึ้นมามากมาย เช่น GUSD ของสองพี่น้อง Winklevoss เจ้าของเว็บเทรด Gemini เป็นต้น ซึ่งขึ้นชื่อในเรื่องของการทำตามกฎหมายอย่างเคร่งครัด ทำให้คนเริ่มมีทางเลือกในการใช้งาน Stablecoin มากขึ้น
ล่าสุดยังได้มีข่าวจาก Facebook ด้วยว่า พวกเขากำลังพัฒนา Stablecoin ที่มีเงินดอลลาร์ค้ำให้กับ WhatsApp อยู่ เนื่องจากพวกเขาเล็งเห็นข้อดีของมันที่ทำให้โอนเงินไปต่างประเทศได้ถูกและไวกว่าระบบปัจจุบัน และเล็งจะใช้มันกับผู้ใช้งานชาวอินเดีย
หาก Stablecoin เริ่มมีการใช้งานที่มากขึ้นจริง ๆ คริปโตก็จะได้รับการยอมรับมากขึ้นตาม และอาจเป็นอีกปีที่สำคัญใน 2019 ที่คริปโตจะก้าวขึ้นไปอีกระดับ
สรุป
ในปี 2019 นั้นยังมีเทรนด์ที่กำลังถูกจับตามองโดยเจ้าใหญ่ ๆ อยู่เต็มไปหมด การร่วงลงของตลาดคริปโตในปีนี้คือเรื่องปกติ และเป็นอีกโอกาสให้นักลงทุนสามารถซื้อคริปโตในราคาต่ำ ๆ ได้ ตลาดยังไม่ตายและจะเติบโตต่อไปในปีหน้า
กดคลิกเพื่อแสดงความเห็น