<?php wp_title('|', true, 'right'); ?>

นักวิเคราะห์คาด นักลงทุนสถาบันเป็นจำนวนมากจะแห่มาลงทุนใน Bitcoin ในปีหน้า

ติดตามสยามบล็อกเชนบนSiam Blockchain

ราคาของ Bitcoin ได้ร่วงลงอย่างรุนแรงในปี 2018 นี้ ท่ามกลางตลาดขาลงที่ใครหลาย ๆ คนก็เรียกมันว่าตลาดหมี หรือ Crypto Winter แต่นักวิเคราะห์ผู้เชี่ยวชาญหลายคนกำลังคาดการณ์ว่าความผันผวนของตลาดจะเริ่มลดน้อยลงในปี 2019 ที่จะถึงในวันพรุ่งนี้ เมื่อนักลงทุนสถาบันเริ่มที่จะกระโดดเข้ามาในตลาด

นักวิเคราะห์บางคนเชื่อว่า Bitcoin จะกลับมาอีกครั้ง ราวกลับนกฟีนิกซ์ที่ฟื้นคืนชีพจากเถ้าถ่าน จากกระแสการเข้ามาในตลาดจากนักลงทุนสถาบัน อ้างอิงจาก Australian Financial Review

“ในปีที่จะถึงนี้ เราจะได้เห็นการทยอยปรับตัวจากนักลงทุนสถาบันเหล่านี้” กล่าวโดยนาย Henrik Andersson หรือ หัวหน้าฝ่ายการลงทุนของ Apollo Capital Fund ในออสเตรเลีย “เราได้เห็นมหาวิทยาลัยแห่งแรกในสหรัฐฯที่ลงทุนกับมันแล้ว”

ตลาดหมีของ Bitcoin ทำนักลงทุนสถาบันผวา

ในช่วงฤดูร้อนที่ผ่านมา มหาวิทยาลัย Stanford, Havard และ Yale ได้สร้างความตกตลึงให้กับ Wall Street เมื่อพวกเขาเผยว่ากำลังลงทุนใน cryptocurrency

เนื่องด้วยการที่สถาบันเหล่านี้มักจะแชร์ความเห็นกันบ่อย นักวิเคราะห์คาดว่าการเคลื่อนไหวดังกล่าวอาจทำให้เกิดปฏิกิริยาลูกโซ่ต่อนักลงทุนสถาบันรายอื่น ๆ อย่างเช่นจากฝ่ายกองทุนบำเหน็จบำนาญ

“ด้วยการที่นาย David Swensen [หัวน้าฝ่ายการลงทุนของ Yale] นั้นได้หันมาลงทุนใน Bitcoin นั้น การที่เขาเอาชื่อเสียงของตัวเองกับการลงทุนของตัวเองมาทำแบบนี้ มันจะต้องบอกอะไรคุณได้แน่” กล่าวโดยนาย Mike Novogratz “คนบางกลุ่มที่ฉลาดที่สุดในโลกของการลงทุนนั้นคิดว่ามันเป็นตัวเก็บมูลค่า”

การหลั่งไหลเข้ามาของนักลงทุนสถาบันที่ทุก ๆ คนต่างก็คาดหวังว่าจะมีขึ้นในปลายปี 2018 นั้นดูเหมือนว่าจะต้องอันตรธานหายไปเมื่อต้องมาเจอกับตลาดหมี โดยมีรายงานว่านักลงทุนสถาบันเหล่านั้นถูกทำให้กลัวด้วยการร่วงลงของราคาตลาดในปีนี้ อ้างอิงจากนาย Nikolaos Panigirtzoglou หรือนักวิเคราะห์จาก JPMorgan Chase

ในขณะที่ Wall Street กำลังตั้งรับมรสุมตลาดหุ้นที่กำลังจะเริ่มรุนแรงขึ้นในอีกเร็ว ๆ นี้ นักวิเคราะห์กล่าวว่าสินทรัพย์ดิจิทัลอาจจะกลายเป็นทุ่นชูชีพได้ เนื่องจากว่ามันไม่ได้มีความเกี่ยวข้องกับตลาดหุ้นเลย ทำให้มันกลายเป็นการลงทุนที่ดีในช่วงที่เกิดสภาวะตลาดผันผวนได้

นาย Tom Surman หรือผู้บริหารของ Every Capital หรือบริษัทสัญชาติออสเตรเลียด้านการลงทุนคริปโตเชื่อว่ายุคของนักลงทุนสถาบันในวงการคริปโตนั้นเพิ่งจะเริ่มต้นขึ้นเท่านั้น

“การปรับตัวของนักลงทุนสถาบันและข้อเสนอค้าปลีกจำนวนมหาศาลนั้นอาจเป็นกลุ่มที่สามารถจะขยับเข็มทิศทางของตลาดคริปโตได้ตั้งแต่จากนี้ไป” กล่าวโดยนาย Surman

การผลักดันด้านกฎหมายกำลังมา

อย่างไรก็ตาม ผู้ที่คอยเฝ้าดูตลาดหลาย ๆ คนกล่าวว่าการปรับตัวใช้งานในกลุ่มคนหมู่มากนั้นขึ้นอยู่กับความชัดเจนด้านกฎหมาย ที่จะช่วยผลักดันตลาดให้มาอยู่บนดินได้ ซึ่งในขณะนี้ รัฐบาลในหลาย ๆ ประเทศก็เริ่มที่จะเคลื่อนไหวในด้านดังกล่าวแล้ว

ในเดือนนี้ ผู้ออกกฎหมายในประเทศสหรัฐฯ ได้ยื่นเสนอร่างกฎหมายที่จะช่วยป้องกันไม่ให้เกิดการปั่นราคา Bitcoin ได้ และพยายามผลักดันให้ประเทศของพวกเขาเป็นผู้นำในตลาด

สมาชิกวุฒิสภา Darren Soto และ Ted Budd นั้นกำลังผลักดันให้มีการปรับตัวใช้เหรียญคริปโตที่มากขึ้น พร้อมกล่าวว่าทางสหรัฐฯ นั้นจะต้องไม่หันหลังให้กับ “ศักยภาพอันแข็งแกร่ง” นี้ในการผลักดันระบบเศรษฐกิจ

“สกุลเงินดิจิทัลและเทคโนโลยีที่หนุนหลังของมันอย่าง Blockchain นั้นมีศักยภาพอันแข็งแกร่งที่จะช่วยขับเคลื่อนระบบเศรษฐกิจให้เติบโตได้” กล่าวโดยนาย Soto และ Budd “นั่นจึงเป็นสิ่งที่เราควรจะทำให้แน่ใจว่าอเมริกานั้นจะได้อยู่แถวหน้าสุดของมัน”

เมื่อเดือนกันยายนที่ผ่านมา กลุ่ม lobbying ด้านคริปโตที่ถูกเปิดตัวในกรุงวอชิงตัน ดีซี โดยบริษัทด้านคริปโตที่ใหญ่ที่สุดในสหรัฐฯ ซึ่งก็คือ

  • Coinbase
  • Circle
  • Digital Currency Group.

โดยการเคลื่อนไหวดังกล่าวนั้นส่งสัญญาณว่าอุตสาหกรรมคริปโตนั้นกำลังเดินหน้าอย่างมีนัยสำคัญ เพื่อทำให้กลุ่มคนกระแสหลักได้ปรับตัวใช้ cryptocurrency ผ่านความช่วยเหลือของวุฒิสภาคองเกรส

“พวกเราเป็นวุฒิสภาที่มีความตื่นตัวมาก โดยเฉพาะในด้านการวางนโยบาย” กล่าวโดยนาย Jeremy Allaire ผู้ร่วมก่อตั้งของ Circle หรือบริษัทด้านคริปโตมูลค่ากว่า 3 พันล้านดอลลาร์

ฝรั่งเศสเริ่มขยับ

ในส่วนของทวีปยุโรปนั้น ทางรัฐบาลของฝรั่งเศสกำลังผลักดันการปรับตัวใช้ blockchain อย่างตื่นตัว บางคนถึงกับคาดว่าธนาคาร Bank of French หรือธนาคารกลางแห่งยุโรปอาจจะออกเหรียญดิจิทัลเป็นของตัวเอง

นาง De La Raudière หรือสมาชิกของรัฐสภาแห่งฝรั่งเศสกล่าวว่าฝรั่งเศสนั้นจะต้องเคลื่อนไหวให้รวดเร็ว เพื่อที่จะผลักดันคริปโตและ blockchain ก่อนที่คู่แข่งอย่างเช่นจีนและสหรัฐฯ จะทำสำเร็จก่อน

นอกจากนี้นาง De La Raudière ยังตัดพ้อว่าฝรั่งเศสนั้นล้าหลังมากในช่วงที่อินเทอร์เนตเข้ามาใหม่ ๆ ในปี 1990 และพวกเขาไม่ควรที่จะพลาดโอกาสนี้อีกครั้งหนึ่ง

“ฝรั่งเศสควรที่จะมีพิชิตปรัชญาในหัวข้อนี้” เธอกล่าวผ่านเว็บไซต์ Journal de Net “ฉันกำลังส่งสัญญาณเตือน”

กดคลิกเพื่อแสดงความเห็น