รายงานจากสื่อบางกอกโพสต์เผยว่าสำนักงานคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ (ก.ล.ต.) ได้ออกมาอนุมัติใบประกอบธุรกิจด้าน ICO Portal ให้กับบริษัทแห่งแรกแล้ว ทว่ายังไม่เปิดเผยชื่อ นอกจากนี้ยังมีแผนการที่จะออกกฎเกณฑ์สำหรับการออกเหรียญ securities token offerings (STO) ในเร็ว ๆ นี้
ICO Portal นั้น ตามที่สยามบล็อกเชนเคยรายงานไปก่อนหน้านี้จะเป็นหน่วยงานเอกชนที่คอยคัดกรอง ICO ว่าเป็นไปตามข้อกฎหมายในประเทศไทยหรือไม่ ก่อนที่จะไปถึงมือนักลงทุน ซึ่งเป้าหมายหลัก ๆ นั้นก็เพื่อเพิ่มความปลอดภัยให้กับนักลงทุน ไม่ให้ตกเป็นเหยื่อถูกหลอกนั่นเอง
นางสาวอาจารีย์ ศุภพิโรจน์ เผยว่าปัจจุบันการอนุมัติ ICO Portal นั้นยังต้องรอหลาย ๆ หน่วยงานของรัฐบาลในการอนุมัติ เช่น กระทรวงพาณิชย์ เป็นต้น
ที่น่าสนใจคือ เธอเผยว่าบริษัท ICO Portal ที่ได้รับอนุมัติไปแล้วนั้น
“เป็นบริษัทต่างชาติ แต่ก็ยังไม่สามารถเผยชื่อออกมาได้”
ก่อนหน้านี้ทางสยามบล็อกเชนได้รายงานไปแล้วว่าทาง ก.ล.ต. ได้ออกมาเผยว่าพวกเขากำลังเตรียมอนุมัติ ICO Portal ทั้งหมดหกรายแรก และคาดว่าน่าจะเสร็จในช่วงไตรมาสที่สี่ของปีนี้นั่นเอง
Security token offerings (STO)
อย่างไรก็ตาม การออกเหรียญ ICO นั้นแตกต่างจากการออกเหรียญโทเค็นหลักทรัพย์อย่างเช่น STO อย่างสิ้นเชิง ในแง่ของกฎหมาย
โดยนางสาวอาจารีย์ยังเผยว่าการออกเหรียญ STO นั้นจะไม่ได้อยู่ภายใต้กฎหมายสินทรัพย์ดิจิทัล แต่จะอยู่ภายใต้กฎหมายหลักทรัพย์นั่นเอง
โดยหลัก ๆ แล้วสาเหตุนั้นก็เป็นเพราะว่าเหรียญ STO จะสามารถมีลักษณะเหมือนกับหลักทรัพย์ (อย่างเช่นหุ้น) เกือบทุกประการ ยกเว้นว่ามันอยู่ในรูปแบบของโทเค็นดิจิทัล (ที่ใช้มาตรฐาน เทคโนโลยี ERC20) ที่สามารถส่งหากันได้ผ่านแพลทฟอร์ม Blockchain นั่นเอง
ซึ่งในปัจจุบันทาง ก.ล.ต. ยังคงอยู่ในช่วงพิจารณาเรื่องของการกำกับตลาดเหรียญ STO ให้ได้อย่างมีประสิทธิภาพ
“ในอนาคตนั้น ทาง ก.ล.ต. จะทำการออกกฎเกณฑ์ที่จะทำให้บริษัทสามารถนำเอาเทคโนโลยี tokenisation มาปรับใช้กับหลักทรัพย์ และสินทรัพย์อื่น ๆ ได้” กล่าวโดยนางสาวอาจารีย์
ก่อนหน้านี้เมื่อช่วงเดือนพฤศจิกายนปี 2018 ทางสยามบล็อกเชนได้รายงานไปแล้วว่าทางที่ปรึกษาของ ก.ล.ต. ได้ออกมาเผยว่าพวกเขา “เตรียมพิจารณากฎหมาย STO เร็ว ๆ นี้ เปิดตัว ICO Portal เจ้าแรกในไทยในต้นปีหน้า” ซึ่งดูเหมือนว่ามันใกล้จะมาถึงแล้วนั่นเอง ซึ่งหนึ่งในที่ปรึกษาของ ก.ล.ต. ดร.ภูมิ ภูมิรัตน ได้กล่าวในขณะนั้นว่า
“ก.ล.ต. ได้ทำการเฝ้ามองศึกษาวงการคริปโตมานานกว่า 2 ปีแล้ว และรู้ว่า กฎหมายในปัจจุบันยังไม่ได้ครอบคลุมไปถึงการกำกับดูแลวงการคริปโตและ Blockchain และเมื่อกระแสคริปโตและ ICO เริ่มร้อนแรงมากขึ้นในไทย ทางก.ล.ต. เล็งเห็นว่า มีการต้มตุ๋นหลอกลวงเกิดขึ้นมากมายในประเทศไทย และมีผู้คนเสียหายมากมายหลายล้านดอลลาร์ ซึ่งถือว่าค่อนข้างเยอะในประเทศไทย มันเลยเป็นสาเหตุหลักที่ต้องมีกฎหมาย”
กดคลิกเพื่อแสดงความเห็น