เป็นข่าวใหญ่และน่าตกใจเป็นอย่างมาก ที่ในวันนี้เว็บกระดานซื้อขายอันดับหนึ่งของคนไทยนาม Bx ได้ออกมาประกาศยุติบทบาทการประกอบธุรกิจเป็นศูนย์ซื้อขายสินทรัพย์ดิจิทัล หรือการให้บริการด้านกระเป๋าเงินอิเล็กทรอนิกส์ (Digital Asset Wallet)
บริษัท บิทคอยน์ จำกัดหรือที่เรารู้จักดีใน Bx.in.th ซึ่งเปิดตัวมานานกว่า 5 ปีและมีโวลลุ่มซื้อขายครองเป็นอันดับหนึ่งในไทย โดยมีการซื้อขายเฉลี่ยวันละ 300-500 BTC จนเกิดคำถามขึ้นมาว่าทำไมพวกเขาถึงปิดตัวลง
อีกทั้งก่อนหน้านี้เมื่อช่วงเดือนมิถุนายนที่ผ่านมา ทาง Bx ยังได้ออกมาเผยให้เห็นว่าพวกเขากำลังจะสร้างออฟฟิศใหม่ที่ย่านรามอินทราเสร็จ และเตรียมตกแต่งภายใน ซึ่งการลงทุนซื้อตึกทั้งตึกด้วยเงินจำนวนมหาศาลดังกล่าว อีกทั้งยังตกแต่งป้ายภายนอกด้วยตัว ticker ของราคาเพื่อที่จะปิดตัวลงตอนปลายปีนั้น จึงดูขัดแย้งกันอย่างแรง
เป็นเวลากว่า 5 ปีมาแล้วที่ Bx นั้นอยู่คู่กับนักเทรดคริปโตชาวไทยมานาน ซึ่งหลาย ๆ คนคงอาจจะยังสงสัย ว่าทำไมผู้ที่เคยเป็นเบอร์หนึ่งถึงอยากจะเกษียณตัวเองออกไป ในขณะที่เบอร์ 2-3 ก็พยายามที่จะใต่เต้าขึ่นมาเป็นเบอร์หนึ่ง ในบทความนี้เราจะมาหาคำตอบกัน แต่ทว่านี่ไม่ใช่ข้อเท็จจริงที่เกิดขึ้น เพียงแต่เป็นการวิเคราะห์จากทางเราเท่านั้น และผู้อ่านควรใช้วิจารณญาณอย่างเต็มที่
หมดแรงจูงใจ (Passion)
Bx.in.th ได้เปิดแพลตฟอร์มซื้อขายคริปโตเคอเรนซี่ในประเทศไทยมานานกว่า 5 ปีแล้ว จึงไม่แปลกที่พวกเขาจะหมดแรงจูง (Passion) ในการดำเนินธุรกิจคริปโตในประเทศไทย หรือเรียกง่าย ๆ ว่าอิ่มตัวแล้วนั้นเอง
ซึ่งพวกเขาอาจกำลังมองหาธุรกิจคริปโตเคอเรนซี่อื่น ๆ ที่จะไม่โฟกัสแค่ในประเทศไทย อาจจะเป็นในต่างประเทศ (global) โดยที่มันอาจจะสนุกกว่า ตื่นเต้นกว่า ทำเงินได้มากกว่า
หากเราลองวิเคราะห์จากในประกาศของเขานั้น มีท่อนหนึ่งที่กล่าวว่า
“เนื่องจากบริษัทฯได้เล็งเห็นถึงโอกาสในการพัฒนาธุรกิจในทางอื่น ๆ แทนการประกอบธุรกิจเป็นศูนย์ซื้อขายสินทรัพย์ดิจิทัล”
ซึ่งก็ไม่มีใครทราบว่า Bx นั้นจะไปทำอะไรต่อไป และจะปิดตัวบริษัทลงหรือไม่ หรือจะใช้มันเพื่อพัฒนาธุรกิจอื่น ๆ แต่ยังคงเกี่ยวข้องกับ Cryptocurrency? เป็นคำถามที่ทางเราก็กำลังจะพยายามหาคำตอบกับทาง Bx แต่ก็ยังไม่มีใครให้คำตอบกับทางเราได้
ปัญหาด้านกฏระเบียบ
ถ้าเราเข้าไปในเว็ปไซต์ของ Bx.in.th เราจะได้เห็นคำชี้แจ้งที่ระบุเอาไว้ว่า
“พวกเขาไม่มีความประสงค์จะต่อใบอนุญาตประกอบธุรกิจศูนย์ซื้อขายสินทรัพย์ดิจิทัลในปี 2563 อีกต่อไป”
ดังนั้นหมายความว่าเบื้องลึกเบื้องหลังแล้วปัญหาด้านกฏระเบียบในประเทศไทยจึงอาจจะเป็นอุปสรรคขนาดใหญ่ที่จะขัดขวางไม่ให้พวกเขาทำธุรกิจในประเทศได้อีกต่อไป เช่น ไลเซนส์ (license) ที่มีความซับซ้อนสูง เช่นการที่พวกเขาต้องเตรียม, เอกสารเกี่ยวกับการประกอบธุรกิจต่าง ๆ รวมไปถึงกฏระเบียบข้อบังคับอื่น ๆ ที่พวกเขาอาจมองว่ามันไม่ยุติธรรม จนส่งผลทำให้ประโยชน์ของพวกเขาลดน้อยลง และไม่คุ้มกับเงินที่ต้องลงทุนไป
อย่างไรก็ตาม นี่เป็นเพียงแค่การวิเคราะห์เท่านั้น
ตลาดการแข่งขันเริ่มสูงขึ้น ให้สู้ต่อไปก็คงทำกำไรยาก
ถ้าเป็นคนที่ติดตามข้อมูลข่าวสารวงการคริปโตในประเทศไทยอยู่ทุกวันแล้วละก็
เราจะสังเกตุเห็นได้ว่ากระดานซื้อขายคริปโตในประเทศไทยมีการแข่งขันที่รุนแรงเพิ่มมาขึ้นเรื่อย ๆ อาทิเช่น bitkub.com, Satang Pro, BiTherb, Huobi รวมไปถึงเว็ปน้องใหม่ที่เพิ่งยื่นจดทะเบียนต่อก.ล.ต ล่าสุดอย่าง 25hrbanking.io
ดังนั้นมันจึงส่งผลทำให้ Bx.in.th จะต้องถูกแย่งส่วนแบ่งการตลาดไปอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้ในอนาคต ซึ่งพวกเขาคงมองแล้วว่าการดำเนินธุรกิจคริปโตระยะยาวในประเทศไทยนั่นคงจะไม่เติบโตไปมากกว่านี้แล้วและหากพวกเขาถูกแย่งส่วนแบ่งตลาดไปอีกก็ควรยุติการให้บริการเลยซะดีกว่า
เป็นที่คาดการณ์ว่าหากพวกเขาเล็งที่จะทำธุรกิจที่เกี่ยวกับ Cryptocurrency ต่อไป มันอาจจะเป็นธุรกิจที่มีความเป็นนานาชาติมากขึ้น ไม่ได้โฟกัสแค่ในไทยอย่างเดียว และนี่อาจเป็นอีกหนึ่งช่องทางที่พวกเขาได้คำนวณมาดีแล้วว่ามันจะต้องคุ้มค่ามากกว่าการเปิดเว็บเทรดคริปโตที่โฟกัสแค่ตลาดในไทยอย่างแน่นอน
หรือว่าเดวิดจะรู้ในสิ่งที่พวกเราไม่รู้?
เราทราบกันดีว่านายเดวิด เจสซี่ บาร์นสคือ ชาวอเมริกันผู้ก่อตั้งและกรรมการผู้จัดการของบริษัท บิทคอยน์ จำกัด
หากอ้างอิงจากผู้ก่อตั้งของสยามบล็อกเชนที่เคยรู้จักเขามานั้น พบว่าเขายังเป็นบุคคลประเภท EARLY ADOPTER ที่มีเซนส์ปรับตัวเข้ากับสิ่งใหม่ ๆ ได้ดี อีกทั้งยังกล้าที่จะตัดสินใจกับเทคโนโลยีใหม่ ซึ่งมันเป็นไปได้ไหมว่าการประกาศปิดตัว Bx.in.th ในวันนี้ เป็นเพราะนายเดวิดรู้ในสิ่งที่พวกเราไม่รู้ ?
หรือกำลังจะเกิดอะไรขึ้นกับคริปโตเคอเรนซี่ ? เขาถึงได้ผันตัวเองออกจากวงการเว็บกระดานซื้อขายนี้
ที่หนึ่งอยากออก ที่สองที่สามอยากมาแทนที่
เป็นเรื่องที่น่าสนใจอย่างมากสำหรับกระดานแลกเปลี่ยนคริปโตที่ครองตำแหน่งอันดับหนึ่งของไทยที่มีการซื้อขายเฉลี่ยวันละ 300-500 BTC และเคยทำกำไรในปีที่แล้วถึง 220 ล้านบาทว่าทำไมถึงอยากล้มเลิกธุรกิจนี้?
ทำไมกระดานแลกเปลี่ยนคริปโตอื่น ๆ ที่อยู่อันดับรองลงมาถึงอยากขึ้นมาแทนที่พวกเขา เป็นไปได้มั้ยว่าถ้าหากกระดานแลกเปลี่ยนอย่าง Satang Pro และ Bitkub ที่กำลังเริ่มแข่งขันกันอย่างดุเดือดในตอนนี้จะลงเอยแบบ Bx ในอนาคต หากฝ่ายใดฝ่ายหนึ่งได้ขึ้นมานั่งบนบัลลังก์จริง ๆ?
คงไม่มีใครตอบได้ บางที Bx อาจจะไม่ได้หมดแพชชั่นในด้านคริปโตจริง ๆ แต่พวกเขาอาจเล็งเห็นว่าการเปิดกระดานซื้อขายคริปโตที่โฟกัสแค่ในไทย แต่ไม่ได้ไปโฟกัสที่ต่างประเทศอาจจะไม่ได้ทำให้พวกเขาเติบโตในระยะยาว?
หรือแท้จริงแล้วเทรนด์เว็บกระดานซื้อขายแบบ Centralized กำลังจะตายลง และเราอาจจะได้เห็นกระดานซื้อขายแบบ Decentralized ที่เปิดให้บริการทั่วโลกได้จาก Bx?
ทั้งหมดนี่ยังเป็นเพียงข้อสงสัยและข้อสมมติฐานเท่านั้น สิ่งที่เราทำได้ในขณะนี้ก็คือ รอดูว่าพวกเขาจะออกมาประกาศเปิดตัวผลิตภัณฑ์อะไรต่อไปในอนาคต ซึ่งตอนนี้ เราคงมีเวลาอยู่กับ Bx ไม่นานก่อนที่พวกเขาจะปิดตัวลงในสิ้นเดือนนี้ ดังนั้นสิ่งที่เราทำได้ก็คือ…
กดคลิกเพื่อแสดงความเห็น