<?php wp_title('|', true, 'right'); ?>

กลุ่มนักลงทุนวางแผน Hard fork เหรียญ XRP แยกออกมาด้วยความโกรธแค้น หลังจาก Ripple เทขายอย่างหนัก

ติดตามสยามบล็อกเชนบนSiam Blockchain

ดูเหมือนว่าข้อเรียกร้องให้มีการ fork เหรียญ XRP นั่นมีสาเหตุมาจากการที่ Ripple ซึ่งเป็นเจ้าของเหรียญ Xrp รายใหญ่ได้มีการเทขายเหรียญในทุก ๆ ไตรมาส กำลังรุนแรงมากขึ้นเรื่อย ๆ แล้ว และล่าสุดนักลงทุนเหรียญดังกล่าวก็เริ่มแสดงความไม่พอใจมากขึ้นเรื่อย ๆ

ผู้ใช้ทวีตเตอร์ที่มีชื่อว่า @Crypto_Bitlord ซึ่งมีผู้ติดตามมากกว่า 100,000 คน ได้กล่าวในฐานะที่เขาเป็นเจ้าของเหรียญ XRP ว่า  :

“ผมเป็นคนหนึ่งที่ถือครองเหรียญ XRP ถ้ามันมีการปั๊มราคาเหรียญเกิดขึ้น อย่างน้อยผมก็จะไม่เกลียดตัวเองที่ทำแบบนี้และถ้ามันมีมูลค่าเหลือ 0 ผมก็โอเคเช่นเดียวกัน #RippleOne (ชื่อปฏิบัติการ Fork เหรียญ Xrp ที่เขาคิดขึ้น) คือการป้องกันความเสี่ยง”

นักลงทุน XRP กำลังรู้สึกผิดหวังกับราคาของเหรียญและต้องการ Fork เหรียญแยกออก chain เดิม เนื่องจากปัจจุบันทาง Ripple กำลังทุบตลาด XRP ด้วยการเทขายเหรียญทุกไตรมาส จนส่งผลทำให้มีการเรียกร้องให้มีการ fork เหรียญบนเว็บไซต์ Change.org โดยมีการประกาศล่ารายชื่อผ่านเว็บดังกล่าวโดยผู้ใช้งาน Twitter ที่มีชื่อว่า “Stop Ripple Dumping” ซึ่งรวบรวมลายเซ็นได้มากกว่า 3,500 รายชื่อในช่วงสี่สัปดาห์ที่ผ่านมา 

@Crypto Bitlord ให้สัมภาษณ์กับ Cointelegraph ว่าแผนของเขาส่วนใหญ่ดูเหมือนจะเป็นกลอุบายและยังไม่มีรูปแบบที่ชัดเจน อย่างไรก็ตามยังมีนักลงทุน XRP ที่โกรธแค้นคนอื่น ๆ กำลังพยายามฟ้องร้อง Ripple

การเทขายเหรียญ XRP

สถานการณ์เริ่มบานปลายในช่วงต้นเดือนสิงหาคมเมื่อ Crypto Bitlord เขียนคำเรียกร้องบนเว็ปไซต์ Change.org โดยส่วนหนึ่งมีใจความว่า “เหตุผลที่ผมเห็นข้อเดียวในตอนนี้ก็คือ Ripple กำลังทุบตลาดของพวกเรา และไม่ได้เป็นปริมาณเล็กน้อยเท่านั้น” โดยเหรียญ Xrp ได้หลั่งไหลออกมามากกว่าหนึ่งพันล้านเหรียญซึ่งคิดเป็น 20% ของมูลค่าทั้งหมดในปีนี้ ในขณะที่ 8 ใน 10 เหรียญที่ใหญ่ที่สุดในตลาดคริปโตยังคงทำกำไรได้อย่างต่อเนื่อง

รายงานประจำไตรมาสของ Ripple ยืนยันว่า บริษัทได้ขายเหรียญ XRP จำนวนมากให้กับกองทุนเพื่อการดำเนินงานและลงทุนในบริษัทต่างๆที่มีศักยภาพเพื่อกระตุ้นการเติบโตของระบบนิเวศ XRP โดยเมื่อเร็ว ๆ นี้ทางบริษัทได้ร่วมมือกับ PNC ซึ่งเป็นธนาคารที่ใหญ่ที่สุดอันดับแปดของสหรัฐอเมริกาเพื่อพัฒนาโซลูชั่นการชำระเงินข้ามพรมแดนที่ขับเคลื่อนด้วย Blockchain นั่นก็คือ xCurrent โดยปัจจุบัน RippleNet ซึ่งเป็นเครือข่ายการชำระเงินทั่วโลกที่สร้างขึ้นโดย Ripple มีสมาชิกกว่า 200 ราย ได้แก่ ธนาคารและผู้ให้บริการชำระเงิน

ปัจจุบัน Ripple เป็นผู้ถือเหรียญ XRP อยู่ประมาณ 60,000 ล้านเหรียญจาก XRP ที่มีอยู่ทั้งหมด 1 แสนล้านเหรียญ โดยตอนนี้มี XRP จำนวนกว่า 43,000 ล้านเหรียญที่หมุนเวียนอยู่ในระบบ เนื่องจาก Ripple ได้ปลดล็อคเหรียญกว่า 1 พันล้านเหรียญออกจากบัญชี escrow ในแต่ละเดือน ซึ่งทาง Ripple รายงานว่าจะมีการล็อคโทเค็น Xrp เอาไว้ทั้งหมด 55,000 ล้านเหรียญในบัญชี escrow ซึ่งมันจะหมดอายุในช่วงกลางปี ​​2021 “มันจะลดลงเมื่อเวลาผ่านไป โดยในปัจจุบัน (ณ วันที่ 25 สิงหาคม 2019) มีจำนวน XRP อยู่ที่ประมาณ 57,000 ล้านเหรียญ” โฆษก Ripple ให้สัมภาษณ์กับ Cointelegraph เพิ่มเติมอีกด้วยว่า “ประมาณ 88% ของจำนวนนั้นยังอยู่ในบัญชี escrows”

ตัวแทนของบริษัทได้อธิบายระบบ escrow เพิ่มเติมว่า :

“ ในปี 2017 Ripple ได้นำ XRP จำนวน 55,000 ล้านเหรียญไปเข้ารหัสไว้อย่างปลอดภัยไว้ในบัญชี escrow เพื่อสร้างความมั่นใจให้กับนักลงทุน XRP เราใช้บัญชี Escrow เพื่อสร้าง 55 สัญญาหรือประมาณ 1 พันล้าน XRP ในแต่ละสัญญา ซึ่งจะถูกกำหนดไว้ให้หมดอายุในวันแรกของทุกเดือนตั้งแต่ 0 ถึง 54 เดือน จากนั้นเราจะคืนสิ่งที่ไม่ได้ใช้ในตอนท้ายของแต่ละเดือนกลับไปที่บัญชี escrow ตัวอย่างเช่นหาก 500 ล้านเหรียญ XRP ที่ยังไม่ได้ใช้งานในตอนสุดท้ายของเดือนแรก 500 ล้านเหรียญ XRP นี้จะถูกนำไปวางไว้ในบัญชี escrow ชุดใหม่ที่จะหมดอายุใน 55 เดือน โดย XRP จะถูกล็อคไว้แบบเข้ารหัสและไม่สามารถเข้าถึงได้จากทุกคนจนกว่าบัญชี escrow จะหมดอายุใน 55 เดือน และไม่สามารถวางขายในตลาดและไม่สามารถเพิ่มอุปทานได้”

รายงานตลาดไตรมาส 2 ที่เผยแพร่ในช่วงเดือนกรกฎาคมแสดงให้เห็นว่ายอดขาย XRP เพิ่มขึ้นจากไตรมาสแรกถึง 48% เนื่องจากมีการเทขายเหรียญ XRP มูลค่ากว่า 251 ล้านดอลลาร์ ในไตรมาสซึ่งเพิ่มขึ้นจากยอดขายเดิมในไตรมาสแรกของปี 2019 ที่มีประมาณ 169.42 ล้านดอลลาร์ “ เราคาดว่าโปรแกรมขายเหรียญของเราจะลดลงมากกว่า 80% ในไตรมาสนี้” โฆษก Ripple กล่าวกับ Cointelegraph ซึ่งเขาให้รายละเอียดเพิ่มเติมว่า :

“แนวทางการขายเหรียญ XRP ของเราจะไม่เปลี่ยนแปลง เนื่องจากการให้ความรู้ล่าสุดที่เราเผยแพร่ไปในรายงานไตรมาสที่ 2 เราขาย XRP เป็นเปอร์เซ็นต์ของวอลุ่มทั้งหมดโดยมีเป้าหมายเพื่อลดผลกระทบต่อตลาด เมื่อชุมชนคริปโตรับรู้ถึงรายงานวอลุ่มจากกระดานเทรดที่เกินจริงหรือเป็นข้อมูลเท็จ เราจะบอกกับสาธารณชนว่าเราเปลี่ยนแหล่งข้อมูลเพื่่อเปรียบเทียบวอลุ่มกับแหล่งที่มาที่ไว้ใจได้ , น่าเชื่อถือและแน่นอนมากกว่า”

แม้ว่า Ripple จะเขียนเน้นในรายงานประจำไตรมาสของพวกเขาว่าจะตัดสินใจหยุดโปรแกรมขายเหรียญชั่วคราวและจำกัดการขายเหรียญให้กับสถาบัน แต่สถานการณ์โดยรวมนั้นดูเหมือนว่าจะกระตุ้นให้นักลงทุนอย่าง @Crypto Bitlord ออกมาเริ่มต้นจัดทำแคมเปญต่อต้าน โดย Xrp จำนวน 1 พันล้านเหรียญจะถูกนำไปไว้ในบัญชี escrow ทุกเดือน ตามกำหนดเวลารวมถึงธุรกรรมที่เกี่ยวข้องกับ Ripple อื่น ๆ นอกจากนี้การติดตามการทำธุรกรรมของ @Whale Alert ยังได้ราดน้ำมันลงไปในกองเพลิงอีกครั้งหนึ่ง เมื่อพวกเขาได้มีการโอนเหรียญ xrp ไปยังที่อยู่อื่นที่พวกเขาอ้างว่าเป็นบัญชี escrow ใหม่ ส่งผลทำให้นักลงทุนเกิดความไม่พอใจเป็นอย่างมาก

ตัวแทนจากบริษัท Ripple ให้สัมภาษณ์กับทาง Cointelegraph ว่า XRP จำนวน 800 ล้านเหรียญ “ถูกย้ายจากบัญชี escrow เก่าไปสู่บัญชี escrow ใหม่  ซึ่งนั่นหมายความว่าเหรียญไม่ได้ถูกปล่อยออกสู่ตลาด” และ Whale Alert ยังกล่าวเพิ่มเติมอีกด้วยว่า :

“ Ripple เป็นเจ้าของเหรียญ XRP และเป็นบริษัทที่ประสบความสำเร็จอย่างมาก ดังนั้นเราจึงเห็นด้วยกับชุมชน XRP และมุ่งเน้นไปที่การสนับสนุนระบบนิเวศ XRP ที่สมบูรณ์ มันไม่มีเหตุผลที่พวกเขาจะสร้างธุรกิจเพื่อทำร้าย XRP Ledger”

ในช่วงเวลาเดียวกัน Crypto Bitlord ได้ออกมาเปิดตัวคำร้องของเขา รวมถึงนาย Peter Brandt ซึ่งเป็นนักเทรดที่มีประสบการณ์การเทรดในสินค้าโภคภัณฑ์มากว่าสิบปีได้กล่าวหา Ripple เกี่ยวกับเรื่องการจัดการราคา XRP บนทวีตของเขาว่า :

“Rippple สามารถจัดการราคาตลาดเพื่อให้ XRP พุ่งเหนือ 0.24 ดอลลาร์ได้หรือไม่? 

การเทขายอย่างรุนแรงในระดับนี้อาจส่งผลให้ราคาร่วงไปถึง 0.020725 ดอลลาร์”  โดยเขากล่าวว่า :

“ผมใช้วิธีวิเคราะห์ราคา XRP แบบ ‘การจัดการราคา’ เพราะมันเป็นสิ่งที่ Ripple ทำมาตั้งแต่เปิดตัว XRP แล้ว ” 

นอกจากนี้เขากล่าวเพิ่มเติมอีกด้วยว่า :

“รูปแบบกราฟในหลาย ๆ เดือนได้แสดงให้เห็นถึงการกระจายเหรียญ XRP โดย Ripple ซึ่งมันได้รับการจัดการราคาเพื่อให้มันอยู่ที่แนวรับ แต่ถ้าหากแนวรับไม่สามารถต้านทานเอาไว้ได้ Ripple อาจถูกบังคับให้เทขายเหรียญทิ้งที่จุดนั้น”

ในที่สุด Brad Garlinghouse CEO ของ Ripple ก็ได้ออกมาแสดงความเห็นเกี่ยวกับเรื่องนี้บน Twitter ของพวกเพื่ออธิบายว่าเหตุการณ์ทั้งหมดนี้คือความกลัว, ความไม่แน่นอนและความสงสัย หรือเป็นการ FUD ซึ่งเผยแพร่โดย “แหล่งที่ข่าวที่น่าสงสัย” โดยเขากล่าวว่า :

“การขายเหรียญ XRP ก็เพื่อนำมาช่วยขยายยูทิลิตี้ของ XRP รวมถึงการสร้างเครือข่าย RippleNet และการสนับสนุนอาคารธุรกิจขนาดใหญ่อื่น ๆ ที่เกี่ยวข้องกับ XRP อย่างเช่น Dharma และ Forte ในความเป็นจริงเราได้ลดยอดขายลงตามวอลุ่มไตรมาสต่อไตรมาสและตั้งแต่นั้นอัตราเงินเฟ้อของอุปทานหมุนเวียน XRP ก็ต่ำกว่า BTC และ ETH”

เป็นที่น่าสังเกตุว่าผู้เชี่ยวชาญไม่ตำหนิประสิทธิภาพการใช้งานของ XRP จากยอดขายเพียงอย่างเดียว “มันเป็นเรื่องยากที่จะประเมินประสิทธิภาพของ XRP ในปัจจุบันเพียงแค่ด้านเดียว” Juan M. Villaverde หัวหน้านักวิเคราะห์คริปโตของ Weiss Ratings ให้สัมภาษณ์กับทาง Cointelegraph ว่ามันมีสิ่งอื่นรอบ XRP ที่ต้องนำมาพิจารณาเพิ่มเติมนั่นคือโปรเจค Libra ที่ถูกกล่าวถึงมากที่สุด เขาอธิบายเพิ่มเติมว่า :

“เราสงสัยว่าอีกปัจจัยหนึ่งที่อาจเป็นหลักฐานบ่งชี้ว่าโทเค็น XRP ไม่ได้ถูกนำมาใช้งานจริงโดยสถาบันการเงินหรือธนาคารด้วยจุดประสงค์ที่ Ripple ตั้งใจไว้ ความจริงนั้นเริ่มสร้างความกังวลให้กับผู้ถือครองเหรียญ XRP ซึ่งการเปิดตัว Libra ของ Facebook ก็อาจช่วยขจัดความกังวลเหล่านั้น เพราะมีหลายคนเชื่อว่า Libra อาจเป็นสิ่งที่ดีกว่าสำหรับการบรรลุเป้าหมายเดียวกันที่ Ripple มีต่อ XRP”

John Todaro ผู้อำนวยการวิจัยที่ TradeBlock ซึ่งเป็นผู้ให้บริการเครื่องมือการเทรดสำหรับสกุลเงินดิจิทัลให้สัมภาษณ์กับทาง Cointelegraph ว่าแนวโน้มราคาของ XRP สอดคล้องกับขาลงทั่วไปในปัจจุบันของเหรียญ altcoins และดูเหมือนว่ารายงานการเทขายเหรียญ XRP จำนวนมากจะทำให้สถานการณ์แย่ลงไปอีกสำหรับ Ripple :

“สาเหตุหลัก ๆ ที่เหรียญ XRP มีผลการดำเนินงานแย่ลงในช่วงครึ่งแรกของปี 2019 นั่นก็คือความเชื่อมั่นของตลาด altcoin ซึ่งแตกต่างจาก bitcoin ที่มีผลตอบแทนดีมาตั้งแต่ต้นปี 2019 โดย Bitcoin ได้กลายเป็นเหรียญคริปโตที่มีผลการดำเนินงานแข็งแกร่งที่สุดในปี 2019 ในขณะที่เหรียญ altcoin ตัวอื่นส่วนใหญ่ค่อย ๆ ทรุดตัวลง เมื่อเปรียบเทียบผลการดำเนินงาน XRP กับ Bitcoin จะเห็นว่าผลการดำเนินงานของ Xrp ต่ำกว่ามาก เช่นเดียวกับเหรียญ altcoin ตัวอื่น ๆ อย่างเช่น bitcoin cash ซึ่งการเทขายอย่างต่อเนื่องของ Ripple ได้ขัดขวางไม่ให้เกิดโมเมนตัมที่เป็นบวกกับราคาของ XRP และส่งผลทำให้เกิดแรงกดดันในการเทขายสกุลเงินดิจิทัลตัวอื่น ๆ เพิ่มขึ้น”

การ Fork เหรียญที่อาจเกิดขึ้น

ในวันที่ 26 สิงหาคม Crypto Bitlord ได้ลุกขึ้นมาต่อต้าน Ripple อีกขั้นหนึ่ง โดยเฉพาะผู้ที่ชื่นชอบคริปโต เปิดเผยว่าเขากำลังเรียกร้องให้มีการ Fork เหรียญ XRP:

“ผมกำลังคิดที่จะ Fork เหรียญ XRP เนื่องจากเราไม่ต้องการมีความร่วมกับผู้ก่อตั้งที่ชอบทุบตลาด – นี่จะเป็นความพยายามของชุมชนคริปโต รีทวีตถ้าคุณเห็นด้วยกับเรา”

ในวันที่ 6 กันยายนเขายืนยันแผนของเขาบนทวีต “โอเคดูเหมือนว่าเรากำลังทำสิ่งนี้อยู่” เมื่อเขาถูกถามโดย Cointelegraph เพื่อให้ชี้แจงกลยุทธ์ของ Ripple One (ชื่อโครงการที่อาจจะเกิดขึ้น) Crypto Bitlord กล่าวว่า “เราไม่ได้ Fork มันอย่างแน่นอน แต่เราจะปรับแต่งมันเพื่อกำจัดผู้ก่อตั้งออกไปและการรวมมันเข้ากับระบบธนาคาร” เขากล่าวเพิ่มเติม:

“จากสิ่งที่ผมอ่านบนทวิตเตอร์ คุณไม่สามารถ Fork มันได้ เราได้แค่เพียงปรับแต่งมันเล็กน้อย แต่การ Fork นั้นเป็นเรื่องทียากมาก จากสิ่งที่ผมได้อ่านในฟีดของผมโดยทั่วไปเราต้องลอกเลียนแบบCode ใน github และทำการเปลี่ยนแปลงกฏง่าย ๆ ผมค่อนข้างมั่นใจว่ามันมีคลิปสอนบน YouTube เกี่ยวกับวิธีการใช้งาน”

นาย Eyal Shani นักวิจัย blockchain ที่บริษัท Aykesubir ให้สัมภาษณ์กับทาง Cointelegraph ว่า XRP สามารถ Fork ได้ : 

“คุณสามารถนำซอร์สโค้ดของพวกเขามาและเริ่มต้นสร้าง chain ของคุณเอง แต่ปัญหาเดียวก็คือว่าคุณสามารถโน้มน้าวให้เครื่องมือตรวจสอบของ Ripple เปลี่ยน chain ไปเป็นของคุณได้หรือไม่”

“public ledger สามารถ Fork ได้” ตัวแทน Ripple ยืนยันกับทาง Cointelegraph “Ripple ไม่มีวิธีควบคุมซอฟต์แวร์เหล่านั้น ผู้ใช้จะต้องเลือกใช้ XRP Ledger ในคอมพิวเตอร์ของพวกเขาและกฎทั้งหมดของ XRP Ledger จะถูกบังคับใช้โดยซอฟต์แวร์เหล่านั้น”

อย่างไรก็ตามการ fork เหรียญ XRP นั้นดูเหมือนว่าไม่น่าจะเป็นไปได้แม้ว่า Crypto Bitlord จะจริงจังในเรื่องนี้มากแค่ไหนก็ตาม “ส่วนที่ยากที่สุดเกี่ยวกับการ fork ก็คือการสร้างความมั่นคงให้กับชุมชนด้วยการมีชุมชนที่เติบโตอยู่รอบ ๆ มัน” Shani กล่าวกับทาง Cointelegraph กระบวนการนี้จะเกี่ยวข้องกับการลิสรายชื่อโทเค็นใหม่เข้าไปบนกระดานเทรดต่าง ๆ 

Villaverde ให้สัมภาษณ์กับทาง Cointelegraph ในกรณีของ “กองทัพ XRP” คำที่ใช้เพื่อเรียกเหล่าผู้ถือครองโทเค็น XRP ที่เป็นแกนนำใน Twitter เกี่ยวกับความคิดริเริ่มนี้ที่ยังคงไม่ประสบความสำเร็จ โดยเขากล่าวว่า : 

“ความจริงของเรื่องนี้ก็คือ คนเหล่านี้ไม่มีกำลังซื้อเพียงพอที่จะสนับสนุนตลาดราคาของเหรียญ XRP ได้ในปัจจุบัน มันเป็นไปไม่ได้ที่พวกเขาจะได้รับผลตอบแทนดีขึ้นเพียงเพราะแค่การ fork เหรียญ Xrp ledger เท่านั้น”

สุดท้ายแล้วเรื่องของ Ripple อาจจะต้องจบลงในศาล

ตอนนี้บริษัท Ripple ยังคงยุ่งอยู่กับการฟ้องร้องคดีหลายคดีจากนักลงทุน XRP โดยการฟ้องร้องนั่นได้เริ่มต้นขึ้นในเดือนพฤษภาคม 2018 จากบริษัทกฎหมาย Taylor-Copeland ในนามของนักลงทุน Ryan Coffey ซึ่งได้เปิดตัวคดีฟ้องร้องกับบริษัท Ripple Labs ในเครือ XRP II และ Garlinghouse โดยนาย Coffey ได้ร้องเรียนเรื่องการเทขายเหรียญ XRP ของ Ripple ว่าเป็นการละเมิดกฎหมายหลักทรัพย์ของสหรัฐอเมริกาเนื่องจากโทเค็น “ทั้งหมดต้องปฏิบัติไปตามมาตรการรักษาความปลอดภัยแบบดั้งเดิม”

ในเวลานั้นนาย Tom Channick โฆษกของ Ripple ให้สัมภาษณ์กับทาง Cointelegraph ว่าในมุมมองของบริษัท XRP นั้นไม่ใช่ความปลอดภัยภายใต้กฎหมายของสหรัฐอเมริกา อย่างไรก็ตามเขาจะเคารพการตัดสินใจขั้นสุดท้ายของสำนักงานคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ (ก.ล.ต.)

คดีความของ Coffey’s มีการร้องเรียน Ripple ใหม่ทั้งหมดสามครั้งและคดีเหล่านี้ได้ถูกย้ายไปยังศาลรัฐบาลกลางเมื่อวันที่ 5 สิงหาคมที่ผ่านมา โดยการยื่นเรื่องร้องเรียนที่แก้ไขเพิ่มเติมบริษัทจะมีเวลาจนถึงวันที่ 19 กันยายนเพื่อชี้แจงข้อกล่าวหาอย่างเป็นทางการ นาย Garlinghouse เคยอ้างถึงคดีความในทวีตเกี่ยวกับการตอบสนองต่อการ FUD โดยเขาระบุว่า “คำแนะนำจากก.ล.ต. มันไม่ได้ออกโดยคณะกรรมการ ดังนั้นมันจึงไม่ใช่กฎหมายหรือกฏระเบียบ” และจุดที่น่าสังเกตอีกก็คือว่าทางรัฐบาลสหราชอาณาจักรและเขตอำนาจศาลอื่น ๆ ได้ออกมาต่อต้านหลักทรัพย์ประเภทโทเค็นอีกด้วย

แต่จุดที่น่าสนใจที่สุดก็คือ Ripple นั้นได้ได้หลุดออกจากรายชื่อ 10 อันดับแรกของ LinkedIn สำหรับ “50 บริษัทที่ร้อนแรงที่สุดของสหรัฐที่จะเข้าทำงาน” ไปแล้ว ซึ่งคาดการณ์ว่าน่าจะเกี่ยวข้องกับปัญหาการเทขายเหรียญ XRP ของพวกเขาในครั้งนี้

ที่มา : cointelegraph

กดคลิกเพื่อแสดงความเห็น