<?php wp_title('|', true, 'right'); ?>

บริษัทคริปโตชื่อดัง Binance, Civic, Tron กำลังถูกแห่ยื่นฟ้องร้องอย่างหนัก

ติดตามสยามบล็อกเชนบนSiam Blockchain

ในวันที่ 6 เมษายน 2020 มีการรายงานว่าเกิดการฟ้องร้องดำเนินคดีต่อบริษัทด้าน Cryptocurrency ชื่อดังจำนวนมาก ยกตัวอย่างเช่น Binance, Civic, Tron โดยจำเลยยื่นฟ้องแก่ศาลในนิวยอร์ค สหรัฐอเมริกา ข้อมูลดังลก่าวถูกนำมาเผยแพร่โดย Offshore Alert ซึ่งรายงานว่ามีคดีกว่า 10 คดีที่ถูกนำมายื่นฟ้องในวันนั้น โดยทั้งหมดมีเนื้อหากล่าวหาว่าบริษัทจำเลยขายเหรียญสกุลเงินดิจิตอลที่เป็นหลักทรัพย์ที่ไม่ได้ถูกลงทะเบียนตามกฎหมาย

การยื่นฟ้องร้อนเกิดขึ้นเมื่อวันที่ 3 เมษายน หนึ่งในเว็บเทรดดิ้งแพลตฟอร์มที่ถูกฟ้องร้องรวมไปถึง Binance (เอกสารยื่นฟ้อง), HDR Global Tading ของ BitMEX, โปรเจ็คต์บล็อคเนชื่อดังเช่น Tron (เอกสารยื่นฟ้อง), Civic, Block.One, Kyber Network, Status และยังมี Quantstamp, Kucoin อีกด้วย นอกจากนั้นการฟ้องร้องครั้งนี้มีการกล่าวถึงชื่อของนาย Changpeng Zhao ซีอีโอของ Binance และ Vinny Lingham จาก Civic 

คำฟ้องร้องได้รับการยื่นโดยเฟิร์มกฎหมาย Roche Cyrulnik Freedman ที่เป็นตัวแทนของฝ่ายโจทก์ ซึ่งบริษัทกฎหมายดังกล่าวทำงานเกี่ยวกับบล็อคเชนในคดีดังของนาย Craig Wright ที่กำลังฟ้องร้องเรียกเงิน Bitcoin หลายล้านดอลลาร์กันอยู่ในปัจจุบัน คำฟ้องร้องต่อ Binance ระบุไว้ส่วนหนึ่งว่า:

“Binance และผู้ให้บริการมีส่วนเกี่ยวข้องกับการโอนกว่าหลายล้านครั้ง และยังมีส่วนร่วมกับการขาย การเสนอ การยื่นขอของหลักทรัพย์ที่ไม่ได้ถูกจดทะเบียนตามกฎหมายให้เป็นเหรียญที่เป็นหลักทรัพย์ และ Binance ยังไม่ได้จดทะเบียนกับ SEC ในฐานะเว็บแลกเปลี่ยนหรือโบรกเกอร์ ดังนั้นแล้วนักลงทุนจึงไม่ได้รับข้อมูลเกี่ยวกับความเสี่ยงในการลงทุนของพวกเขาดังที่กฎหมายหลักทรัพย์ของรัฐระบุไว้”

คดีการฟ้องร้องดังกล่าวถูกดำเนินการในนามของกลุ่มบุคคลหลายคนรวมไปถึงนาย Chase Williams นาย Alaxander Clifford และนาย Eric Lee และ William Zhang ซึ่งนอกจากนั้นแล้วยังระบุว่ายังดำเนินการในนามของ “คนอื่นๆ ประสบกรณ์กรณีคล้ายๆ กัน”

ฝ่ายโจทก์อ้างถึงกรณีคดีของคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ของสหรัฐฯ กับผู้สร้าง EOS Block.One ซึ่งเป็นคดีเกี่ยวกับการทำ ICO กว่า 4 พันล้านดอลาร์เมื่อปี 2018 ซึ่งในเดือนกันยายนเมื่อปีที่แล้วทางบริษัทดังกล่าวตกลงยอมจ่ายค่าปรับกว่า 24 ล้านดอลลาร์เนื่องจากทำการขายหลักทรัพย์ที่ไม่ได้รับการจดทะเบียนอย่างถูกต้องตามกฎหมาย ทำให้คดีดังกล่าวเป็นคดีที่ฝ่ายโจทก์นำมาเปรียบเทียบ เอกสารระบุต่อว่า:

“การสร้างเหรียญ EOS เกิดขึ้นภายใต้กระบวนการที่มีตัวกลาง ตรงข้ามกับกรณีของ Bitcoin และ Ethereum แต่ถึงอย่างไรก็ตามสิ่งนี้ไม่ได้เป็นที่ประจักษ์ต้องนักลงทุนในจำนวนหนึ่ง แต่นักลงทุนกลับเพิ่งมารู้ภายหลังว่าตนได้ซื้อหลักทรัพย์หลังจากที่เวลาผ่านไปและมีการเปิดเผยข้อมูลเกี่ยวกับจุดประสงค์ของผู้สร้าง กระบวนการการบริหาร และการทำการกระจายศูนย์เท่านั้น”

ซึ่งเอกสารคดีของคดีอื่นๆ ที่ถูกยื่นฟ้องพร้อมๆ กันนั้นก็มีลักษณะการเปรียบเทียบกับคดีของ Block.One ในลักษณะคล้ายๆ กัน โดยสาเหตุที่การยื่นฟ้องร้องเกิดขึ้นพร้อมๆ กันหลายคดีนั้นเกิดจากการที่กฎหมายของสหรัฐอเมริกาซึ่งระบุให้คดีเกี่ยวกับการฉ้อโกงต้องถูกยื่นภายใน 2 ปีหลังจากที่การฉ้อโกงถูกเปิดโปง

นาย Richard B. Levin ทนายความ Fintech แสดงความคิดเห็นกับนักข่าวว่าคดีดังกล่าวอาจจะดำเนินไปถึงการต่อสู้ในชั้นศาลได้ เขากล่าวว่า:

“การยกฟ้องคดีนั้นถือเป็นเรื่องยากมาก ผมไม่คิดว่าศาลจะยกฟ้องคดีนี้ และผมคิดว่าศาลจะอนุญาติให้มีการเสนอการตัดสินในนามของโจทก์หรือจำเลย”

กดคลิกเพื่อแสดงความเห็น