เมื่อไม่กี่วันที่ผ่านมาเครือข่ายของ Ethereum นั้นเผยให้เห็นถึงการทำธุรกรรมเพื่อส่งเหรียญที่มีค่าธรรมเนียมสูงกว่าปกติ โดยธุรกรรมแรกนั้นมีการส่งเหรียญ ETH มูลค่า 133 ดอลลาร์ด้วยค่าธรรมเนียม 2.6 ล้านดอลลาร์ และหลังจากนั้นประมาณ 2 ชั่วโมงต่อมาผู้ใช้งานรายเดียวกันก็ทำการส่งเหรียญ ETH มูลค่า 87,000 ดอลลาร์ด้วยค่าธรรมเนียม 2.6 ล้านดอลลาร์อีกครั้ง
ธุรกรรมเหล่านี้ได้ตกเป็นเป้าต้องสงสัยของนักเทรดในตลาดส่วนใหญ่ เป็นความผิดพลาดที่เกิดจาก Bug ของ Software กระเป๋าเก็บเหรียญ ของผู้ใช้งานรายหนึ่ง
อย่างไรก็ตามหลังจากนั้น 23 ชั่วโมงต่อมา ธุรกรรมที่แปลกๆเกิดขึ้นอีกครั้งโดยครั้งนี้มีผู้ใช้งานรายหนึ่งส่งเหรียญจำนวน 3,200 ETH และทำการจ่ายค่าธรรมเนียมที่ 500 แสนดอลลาร์ อย่างไรก็ตามการส่งเหรียญในธุรกรรมนี้ไม่มีความเกี่ยวข้องกับ address ก่อนหน้านี้ 2 ตัว ซึ่งส่งผลทำให้ผู้คนก็คิดกันไปต่างๆนานาว่าอาจเป็นฝีมือของนักแฮก
ผู้สร้างเหรียญ Ethereum นาย Vitalik Buterin ได้ออกมากล่าวบนทวิตเตอร์เมื่อไม่กี่ชั่วโมงที่ผ่านมาโดยอธิบายถึงสิ่งที่เกิดขึ้น โดยเขากล่าวว่าการจ่ายค่าธรรมเนียมนับล้านดอลลาร์นั้นอาจเป็นการแบล็คเมล์เว็บเทรดเหรียญคริปโตบางเว็บ
โดยเขากล่าวว่า
“นักแฮ็กสามารถที่จะเข้าถึงคีย์ของเว็บเทรดได้ส่วนหนึ่งแต่พวกเขาไม่สามารถถอนเหรียญออกมาได้ แต่สามารถส่ง tx และจ่ายค่าธรรมเนียมได้ ดังนั้นพวกเขาอาจจะขู่เจ้าของบัญชีว่าจะทำการจ่ายค่าธรรมเนียมจนกระทั่งเหรียญหมดบัญชีหากไม่ทำการจ่ายเงินค่าไถ่ที่นักแฮ็คเรียก”
คีย์ดังกล่าวที่นาย Vitalik กล่าวนั้นอาจถูกเก็บไว้บน Cloud แห่งหนึ่งที่ไม่สามารถมีคำสั่งในการถอนเหรียญออกมาได้
เมื่อถามว่าเหตุการณ์ดังกล่าวจะเกิดขึ้นบนบล็อกเชนของ Ethereum เท่านั้นหรือไม่ เขากล่าวว่ามันสามารถที่จะเกิดขึ้นได้บนทุกๆแพลตฟอร์มบล็อกเชนเลย
ทฤษฎีดังกล่าวนั้นดูเหมือนว่าจะได้รับการรับรองโดยบริษัทด้านความปลอดภัยอย่าง Peckshield พี่ออกมาสรุปว่าการส่งเหรียญและจ่ายค่าธรรมเนียมอย่างมหาศาลนั้นอาจเป็น ‘การโจมตีผ่านไวรัสเรียกค่าไถ่โดยกลุ่มนักแฮกเกอร์เพื่อโจมตีเว็บเทรดคริปโต’