ผู้เชี่ยวชาญซึ่งได้ก่อตั้งแพลตฟอร์ม ERIC นาย Russell Napier ได้คาดการณ์ว่าอัตราเงินเฟ้อจะเพิ่มขึ้นอีก 4 เปอร์เซ็นต์ในปีหน้าการคาดการณ์ดังกล่าวเกิดขึ้นจากรัฐบาลเริ่มหันมาเป็นผู้ค้ำประกันหนี้ในช่วงวิกฤตเศรษฐกิจที่เกิดจากไวรัส ซึ่งมันจะส่งผลดีต่อ Bitcoin อย่างไร?
ค้ำประกันหนี้เสีย
นาย Napier กล่าวว่ารัฐบาลในยุโรปและสหรัฐอเมริกามั่นใจว่าธนาคารพาณิชย์จะปล่อยกู้โดยสัญญาว่าจะครอบคลุมหนี้เสีย ส่งผลให้ธนาคารได้รับผลตอบแทนตามอัตราดอกเบี้ยที่แคบมากทำให้กระทรวงการคลังมีความเสี่ยงทางการเงินเพิ่มขึ้น
การค้ำประกันเงินกู้อนุญาตทำให้เงินไหลเข้าสู่ตลาดได้อย่างรวดเร็ว แต่ก็จบลงด้วยการผลักดันบุคคลและบริษัทให้มีหนี้เพิ่มเติม ในขณะเดียวกันรัฐบาลเปิดตัวโครงการสินเชื่อใหม่เพื่อรีไฟแนนซ์สินเชื่อที่ไม่ดี ซึ่งมันทำให้เกิดภาวะฟองสบู่
มันทำให้เกิดเงินเฟ้อในเศรษฐกิจ ธนาคารกลางก็ปรับอัตราดอกเบี้ยเงินกู้ที่ต่ำกว่าและเริ่มพิมพ์เงินออกมาเรื่อย ๆ อย่างไร้การควบคุม นาย Napier คิดว่าแรงกดดันทางการเมืองทำให้ธนาคารไม่อยากจะควบคุมเชิงปริมาณ
Bitcoin คือทางเลือกการลงทุนอีกทาง
หลังจากที่อัตราเงินเฟ้อมันเพิ่มสูงขึ้นเรื่อย ๆ นักลงทุนต่างมองหาสินทรัพย์เพื่อความปลอดภัย บางคนก็ลงทุนในพันธบัตรรัฐบาลซึ่งให้ผลตอบแทนค่อนข้างน้อย นักเทรดส่วนหนึ่งก็วางเงินทุนของพวกเขาไว้ที่ทองคำและหุ้น
ในขณะเดียวกัน Bitcoin นี้ก็จะเป็นทางเลือกของการลงทุนอีกทางที่จะเป็นตัวป้องกันอัตราเงินเฟ้อชั้นดีเลยทีเดียว เพราะว่ามันมีอุปทานที่จำกัดอยู่ที่ 21 ล้านเหรียญ การโอนก็เป็นไปได้ง่ายทั่วโลก เป็นสิ่งที่ทองคำทำไม่ได้
ดังนั้นเมื่อเกิดอัตราเงินเฟ้อเพิ่ม คนมองหาการลงทุนที่ตัวเองคิดว่ามันปลอดภัย Bitcoin นั้นจะกลายเป็นทางเลือกการลงทุนชั้นดี รายงานจาก Bloomberg ก็ชี้ด้วยว่าการที่ Bitcoin มีอุปทานที่จำกัดจะยิ่งดันราคา Bitcoin พุ่งทะลุ $20,000 ในปี 2020 นี้
ที่มา : newsbtc