<?php wp_title('|', true, 'right'); ?>

สถิติเผยเว็ปเทรด Bitcoin กว่า 75 แห่งได้ปิดตัวลงแล้วในปี 2020

ติดตามสยามบล็อกเชนบนSiam Blockchain

ดูเหมือนว่าเว็ปเทรดคริปโตส่วนใหญ่จะหายไปในปีนี้ โดยเว็ปเทรดกว่า 75 แห่งได้ปิดตัวลง เนื่องจากการถูกแฮ็ค , exit scams หรือหายตัวไปโดยที่ไม่มีคำอธิบาย

อ้างอิงข้อมูลจาก Crypto Wisser Exchange Graveyard พบว่าเว็ปเทรดคริปโตกว่า 5 แห่ง ซึ่งรวมถึง Hotbit , FinexBox และ WCX ถูกระบุสถานะว่าเป็น SCAM และอีก 4 แห่งรวมถึง Altsbit และ Nerae ถูกระบุสถานะว่าโดนแฮ็ก

เว็ปเทรดอื่น ๆ กว่า 31 แห่งได้ปิดตัวลงด้วยความสมัครใจ ในขณะที่เว็ปเทรดอีก 34 แห่ง ถูกระบุสถานะว่า ‘MIA’ เนื่องจากหายตัวไปโดยที่ไม่มีคำอธิบาย เว็ปเทรด ‘NLexch’ ของเนเธอร์แลนด์และ Chilean Chilebit เป็นเพียงสองบริษัทที่ถูกระบุสถานะว่าถูกปิดตัวลงโดยรัฐบาลในปี 2020

อย่างไรก็ตามมีสาเหตุบางประการที่ช่วยอธิบายว่าทำไมเว็ปเทรดคริปโตจำนวนมากถึงปิดตัวลง ท่ามการเติบโตของ DeFi และการเพิ่มขึ้นของเว็ปเทรดคริปโตแบบ Decentralize 

ความกดดันด้านกฎระเบียบได้เพิ่มขึ้นตั้งแต่ยุคแรก ๆ ของวงการคริปโตและเว็ปเทรดจำนวนมากก็ไม่สามารถปฏิบัติตามข้อกำหนดเหล่านั้นได้ 

หลังจากการฟ้องร้องทางอาญาต่อผู้บริหารของ BitMEX เมื่อสัปดาห์ที่แล้วสำหรับการละเมิดกฎระเบียบของธนาคาร ล่าสุดทาง Chainalysis บริษัทรักษาความปลอดภัยด้านคริปโตก็ได้ระบุสถานะให้เว็ปเทรด BitMEX เป็นเว็ปเทรดที่มี “ความเสี่ยงสูง”

Chainalysis ได้ออกคำเตือนไปยังลูกค้าที่มีชื่อเสียงจำนวนมาก รวมถึงหน่วยงานของรัฐบาล ,ธนาคารและตลาดหลักทรัพย์ โดยแจ้งให้พวกเขาทราบว่าเว็ปเทรดใด ๆ ที่มีการฟ้องร้องทางอาญานั้นควรได้รับการพิจารณาว่า ‘มีความเสี่ยงสูง’

ก่อนหน้านี้ทางสยามบล็อกเชนได้รายงานไปแล้วว่า BitMEX ได้สูญเสีย Bitcoin ไปเป็นจำนวนมหาศาล หลังผู้ก่อตั้งถูกรัฐบาลสหรัฐฯ ตั้งข้อหา โดยอ้างอิงข้อมูลจาก Crystal Blockchain พบว่า อัตราการโอนเหรียญออกจากเว็บเทรดดังกล่าวนั้นมีมากกว่า 45,000 Bitcoin 

เช่นเดียวกับเว็ปเทรด KuCoin ที่ประสบปัญหาการถูกแฮ็กเป็นมูลค่ากว่า 200 ล้านดอลลาร์ในช่วงปลายเดือนกันยายนที่ผ่านมา อย่างไรก็ตามเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นไม่ได้ส่งผลกระทบใด ๆ ต่อตลาดคริปโต เนื่องจากเว็ปเทรดได้ออกมาสร้างความมั่นใจให้กับผู้ใช้งาน ด้วยการอัปเดตระบบความปลอดภัยจำนวนมากเพื่อให้ครอบคลุมสถานการณ์ที่เกิดขึ้น

จากที่กล่าวมาข้างต้นสรุปได้ว่าในปีนี้เว็ปเทรดคริปโตหลายแห่งยังคงต้องเผชิญกับปัญหาเดิม ๆ ที่พวกเขายังไม่สามารถแก้ไขได้ เช่นการถูกแฮ็ก หรือเรื่องราวของการหลอกหลวงนักลงทุน ดังนั้นแล้วการที่รัฐบาลต่าง ๆ ทั่วโลกพยายามเสนอกฎระเบียบให้เว็ปเทรดคริปโตนั้นไม่ใช่ว่าจะเป็นเรื่องที่ก่อให้เกิดผลเสียเสมอไป เพราะมันอาจช่วยให้เว็ปเทรดคริปโตมีความปลอดภัยมากขึ้นและช่วยคุ้มครองนักลงทุนหากมีเหตุการณ์ที่ไม่คาดคิดเกิดขึ้นกับพวกเขา

ที่มา : cointelegraph