แนวคิดในการสร้างเหรียญคริปโตของธนาคารกลาง หรือ CBDC นั้นดูเหมือนว่าจะดำเนินไปได้ด้วยดีในหลาย ๆ ประเทศ และมันก็กำลังเข้าใกล้ตัวของพวกเรามากขึ้นเรื่อย ๆ มันถือเป็นสกุลเงินจริงในรูปแบบใหม่ แต่ยังคงถูกออกและควบคุมโดยเจ้าเก่า นั่นก็คือธนาคารกลาง เพียงแค่อยู่ในรูปแบบดิจิทัลที่รันอยู่บน blockchain แบบส่วนตัว ไม่ใช่แบบ decentralized เหมือนกับของ Bitcoin
หลาย ๆ ประเทศกำลังอยู่ในช่วงวิจัยเพื่อสร้างเหรียญของพวกเขาเอง ในขณะที่หลาย ๆ ประเทศนั้นก็อยู่ในช่วงใกล้คลอดเหรียญของพวกเขาเองแล้ว แต่มีรายงานวิจัยของธนาคารชื่อดังอย่าง Bank for International Settlements (BIS) ที่ถูกเผยแพร่เมื่อวันศุกร์ที่ผ่านมาที่เผยว่าสาเหตุหลัก ๆ ที่ธนาคารกลางนั้นต้องเข้ามาเป็นผู้สร้าง CBDC เองนั้นเป็นเพราะว่าพวกเขากำลังกลัว cryptocurrency อยู่ในขณะนี้
BIS เป็นสถาบันการเงินระดับโลกที่ให้บริการแก่ธนาคารกลางในหลายประเทศทั่วโลก โดยธนาคารกลางที่อยู่ในรายงานของเขานั้นประกอบไปด้วย Federal Reserve, ธนาคารกลางแห่งยุโรป, ธนาคารกลางแห่งแคนาดา, ธนาคารกลางแห่งญี่ปุ่น, ธนาคารกลางแห่งอังกฤษ, ธนาคารกลางแห่งสวิสเซอร์แลนด์ และธนาคารกลางแห่งสวีเดน
การสูญเสียอำนาจ
รายงานดังกล่าวได้มีการหยิบยกเกณฑ์หลัก ๆ ในการสร้างเหรียญคริปโตของธนาคารกลางเหล่านี้ขึ้นมา โดยพวกเขาได้มีการกล่าวถึงความเป็นได้ในการสร้างเหรียญ CBDC ขึ้นมาและรวมถึงการที่พวกมันจะสามารถช่วยธนาคารกลางในการบรรลุจุดประสงค์ในด้านสาธารณะได้อย่างไร
แต่ความกังวลหลัก ๆ ที่พวกเขามีก็คือการสูญเสียซึ่งอำนาจในการควบคุมระบบการจ่ายเงินไปให้กับกระแสเหรียญ cryptocurrency ในปัจจุบันที่กำลังยิ่งใหญ่มากขึ้นเรื่อย ๆ อย่างเช่น Bitcoin และเหรียญคริปโตของ Facebook อย่าง Libra
หน้าที่ของภาคเอกชน
หลาย ๆ ธนาคารกลางต้องการสร้างเหรียญคริปโตที่มีต้นทุนในการใช้งานที่ถูกมาก หรือไม่ก็ฟรีไปเลย และมันจะต้องไม่ส่งผลกระทบต่อสเถียรภาพทางระบบการคลังที่พวกเขาสร้างขึ้นมาอีกด้วย โดยอ้างอิงจากรายงานดังกล่าวนั้น พวกเขายังต้องการเหรียญคริปโตที่สามารถมีตัวตนอยู่ร่วมกับสกุลเงินยุคเก่าอย่างเช่นเงินสดได้ เพราะเกรงกลัวว่าเงินสดนั้นจะถูกเลิกใช้ และจากโลกนี้ไป
ทาง BIS เชื่อว่า CBDC นั้นถูกสร้างขึ้นมาเพื่อเติมเต็มในสิ่งเหล่านี้ที่พวกเขาต้องการ อีกทั้งยังต้องการชูระบบ payment แบบใหม่ที่มีประสิทธิภาพครอบคลุมทุกด้าน อีกทั้งยังมีความแข็งแกร่ง และมีนวัตกรรมที่สร้างสรรค์อีกด้วย
อย่างไรก็ตาม แม้ว่าพวกเขาจะไม่อยากที่จะสูญเสียอำนาจด้านการควบคุมการเงินไปให้ประชาชนมากขนาดไหน แต่พวกเขาก็ยังต้องการที่จะสนับสนุนให้ภาคเอกชนนั้นมีการผลักดันนวัตกรรมใหม่ ๆ ในด้านดังกล่าวออกมาอีกเรื่อย ๆ และยังต้องการให้มีการแข่งขันที่สูงขึ้นอีกด้วย
เกาหลีและจีนกำลังนำร่อง
ประเทศผู้นำอย่างจีนและเกาหลีใต้นั้นกำลังเริ่มนำร่องทดสอบเหรียญคริปโตของพวกเขาไปก่อนแล้ว
เมื่อไม่นานมานี้ทางสยามบล็อกเชนได้รายงานไปแล้วว่าธนาคารกลางแห่งประเทศจีนได้กลายเป็นแห่งแรกในโลกที่ทำการแจกจ่ายเหรียญคริปโตของพวกเขาให้กับประชาชนเพื่อไปทดสอบซื้อสินค้าจริง ๆ ได้ โดยจะทดสอบแจกให้ทั้งหมด 50,000 คนผ่านระบบล็อตเตอรี่ และพลเมืองชาวเซินเจิ้นสามารถลงทะเบียนเพื่อรับรางวัลได้ในวันที่ 9 ต.ค. ที่ผ่านมา
นอกจากนี้ธนาคารกลางแห่งเกาหลีใต้นั้นก็ได้ออกมาประกาศอีกด้วยว่าพวกเขาได้เปิดตัวโปรเจคทดสอบเพื่อออกและหมุนเวียนเหรียญดิจิทัลของพวกเขาอยู่ในขณะนี้ และพร้อมที่จะเปิดตัวอย่างจริงจังในปี 2021
ในขณะเดียวกันประเทศไทยเรานี้ก็มีการพัฒนาในด้านเหรียญ CBDC เช่นกัน โดยรายงานล่าสุดนั้นเผยว่าทางแบงก์ชาติไทยได้มีการเชิญผู้เชี่ยวชาญในวงการคริปโตเป็นจำนวนมากเพื่อมาช่วยกันออกความเห็นในการพัฒนาเหรียญดังกล่าวแล้ว นอกจากนี้มันยังเคยถูกใช้ทดสอบร่วมกันกับเหรียญของธนาคารกลางฮ่องกงอย่าง Lion Rock อีกด้วย และค้นพบว่ามันสามารถถูกนำมาใช้เพื่อลดต้นทุนได้มหาศาล อีกทั้งยังใช้เวลาในการส่งที่รวดเร็วอีกด้วย